Data Loading...
กฎหมายธุรกิจ บทที่ 7 Flipbook PDF
กฎหมายธุรกิจ บทที่ 7
138 Views
98 Downloads
FLIP PDF 566.99KB
บทที่ 9 สั ญญายืม
◼ ◼
◼ ◼ ◼
◼ ◼ ◼
◼ ◼ ◼ ◼
จุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม 1. บอกลักษณะของสั ญญายืมใช้ คงรู ปได้ 2. อธิบายความบริบูรณ์ ของสั ญญายืมใช้ คงรู ปได้ 3. บอกสิ ทธิและหน้ าทีข่ องผู้ยืมได้ 4. บอกสิ ทธิและหน้ าทีข่ องผู้ให้ ยืมได้ 5. อธิบายความระงับแห่ งสั ญญายืมใช้ คงรู ปได้ 6. บอกลักษณะของสั ญญายืมใช้ สิ้นเปลืองได้ 7. อธิบายความบริบูรณ์ ของสั ญญายืมใช้ สิ้นเปลืองได้ 8. อธิบายความบริบูรณ์ ของสั ญญากู้ยืมเงินได้ 9. อธิบายหลักฐานแห่ งการกู้ยืมเงินได้ 10. อธิบายการคิดดอกเบีย้ กู้ยืมเงินได้ 11. อธิบายการชาระหนีก้ ้ ยู ืมเงินได้
◼สั ญญายืม
สั ญญายืมแบ่ งออกเป็ น 2 ประเภทคือ (1) สั ญญายืมใช้ คงรูปและ (2) สั ญญายืมใช้ สิ้นเปลือง
◼สั ญญายืมใช้ คงรูป
◼
ลักษณะของสั ญญายืมใช้ คงรู ป 1. เป็ นนิติกรรมสองฝ่ าย คือมีฝ่ายผูใ้ ห้ยมื และฝ่ ายผูย้ มื 2. เป็ นสั ญญาไม่ ต่างตอบแทน ผูย้ มื มีสิทธิใช้ทรัพย์สินที่ยมื ได้เปล่า โดยไม่ตอ้ งเสี ยค่าตอบแทน 3. เป็ นสั ญญายืมทรัพย์ ซึ่งเมื่อใช้ ย่อมไม่ เสี ยภาวะเสื่ อมสลายไป หรื อไม่ สิ้นเปลืองหมดไป เช่น ยืมโต๊ะ เก้าอี้ โทรทัศน์ พัดลม เป็ นต้น 4. เป็ นสั ญญาที่มิได้ มีการโอนกรรมสิ ทธิ์ในทรัพย์ สิน กรรมสิ ทธิ์ ในทรัพย์สินนั้นยังคงเป็ นของผูใ้ ห้ยืมตลอดเวลา โดยผูใ้ ห้ยืมมีสิทธิ ใช้ สอยทรัพย์สิน และต้องคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็ จแล้ว
◼สั ญญายืมใช้ คงรูปบริ บูรณ์ เมื่อใด
สั ญญายืมใช้ คงรูป บริบูรณ์ เมื่อส่ งมอบ ทรัพย์ สินซึ่งให้ ยืม
◼สิ ทธิของผ้ ูยืม
1. ผู้ยืมมีสิทธิใช้ ทรัพย์ สินที่ยืมได้ เปล่ า โดยไม่ ต้ องเสี ยค่ าตอบแทน 2. ผู้ยืมมีสิทธิที่จะมิให้ บุคคลภายนอกเข้ ามาใช้ สอยทรัพย์ สินนั้น หรื อป้องกันมิให้ ทรัพย์ น้ันเสี ยหาย
◼หน้ าทีข ่ องผู้ยืม
1. ผู้ยืมมีหน้ าทีเ่ สี ยค่ าใช้ จ่าย 2. ผู้ยืมมีหน้ าทีใ่ ช้ ทรัพย์ สินทีย่ ืมโดยชอบ 3. ผู้ยืมมีหน้ าทีส่ งวนและบารุงรักษาทรัพย์ สิน 4. ผู้ยืมมีหน้ าทีส่ ่ งคืนทรัพย์ สินทีย่ ืม
1. ผู้ยืมมีหน้ าที่เสี ยค่ าใช้ จ่าย ได้ แก่ ค่ าธรรมเนี ย มในการท า สั ญ ญา ค่ า ส่ งมอบและค่ า ส่ งคื น ทรัพย์ สินทีย่ ืม ผ้ ูยืมต้ องเป็ นผู้เสี ย
2. ผู้ยืมมีหน้ าทีใ่ ช้ ทรัพย์ สินทีย่ ืมโดยชอบ ทรัพย์ สินทีย่ ืมนั้น ถ้ าผู้ยืม (1) เอาไปใช้ การอย่ างอื่นนอกจากการอันเป็ นปกติแก่ ทรัพย์ สินนั้น หรื อนอกจากการอันปรากฏในสั ญญา (2) เอาไปให้ บุคคลภายนอกใช้ สอย (3) เอาไปไว้ นานกว่ าทีค่ วรจะเอาไว้ ผู้ยืมจะต้ องรั บผิดในเหตุ ทรั พย์ สินนั้ น สู ญหาย หรื อบุ บสลายไป อย่ างหนึ่งอย่ างใด ถึงแม้ จะเป็ นเพราะเหตุสุดวิสัยเว้ นแต่ จะพิสูจน์ ได้ ว่า ถึงอย่ างไร ๆ ทรัพย์ สินนั้นก็คงต้ องสู ญหาย หรื อบุบสลายอยู่นั่นเอง
3. ผู้ยืมมีหน้ าที่สงวนและบารุ งรักษา ทรั พย์ สิน ผู้ยืมจาต้ องสงวนทรั พย์ สินซึ่งยืมไป เหมื อ นเช่ นวิ ญ ญู ช นจะพึ ง สงวนทรั พ ย์ สิ น ของ ตนเอง และค่ าใช้ จ่ายอันเป็ นปกติแก่ การบารุงรั กษา ทรัพย์ สินซึ่งยืมนั้น ผู้ยืมต้ องเป็ นผู้เสี ย
4. ผู้ยืมมีหน้ าที่ส่งคืนทรัพย์ สินที่ยืม เมื่ อได้ ใช้ สอยทรั พย์ สินที่ยืมแล้ ว ผู้ ยืมก็มี หน้ าที่ส่งคืนทรั พย์ สินนั้น ถ้ าทรั พย์ สินนั้น ช ารุ ด เสี ย หาย ผู้ ยื ม จะต้ อ งใช้ ค่ า สิ น ไหม ทดแทนให้ แก่ ผู้ให้ ยืม
◼สิ ทธิของผ้ ูให้ ยืม
1. ผู้ให้ ยืมมีสิทธิเรียกทรัพย์ สินคืน 2. ผู้ให้ ยืมมีสิทธิบอกเลิกสั ญญา 3. ผู้ให้ ยืมมีสิทธิเรียกค่ าทดแทน
1. ผู้ให้ ยืมมีสิทธิเรียกทรัพย์ สินคืน ผู้ให้ ยืมเรียกทรัพย์ สินทีใ่ ห้ ยืมคืนได้ เมื่อ (1) ถึงกาหนดเวลาส่ งคืน หรื อ (2) ผู้ยืมใช้ สอยทรัพย์ สินนั้นเสร็จแล้ว หรื อ (3) เวลาได้ ล่วงไปพอแก่การทีผ่ ู้ยืมจะได้ ใช้ สอยทรัพย์ สินนั้นเสร็จแล้ว หรื อ (4) ถ้ าไม่ ได้ กาหนดเวลายืมกันไว้ และในสั ญญาก็ไม่ ได้ ระบุว่ายืมไปใช้ เพื่อการใด ผู้ให้ ยืมจะเรียกทรัพย์ สินคืนเมื่อใดก็ได้ หรื อ (5) ผู้ให้ ยืมบอกเลิกสั ญญายืม
2. ผู้ให้ ยืมมีสิทธิบอกเลิกสั ญญา ผู้ให้ ยืมมีสิทธิบอกเลิกสั ญญาได้ เมื่อ (1) ผู้ยืมใช้ ทรัพย์ สินทีย่ ืมโดยไม่ ชอบ หรื อ (2) ผู้ยืมไม่ สงวนและบารุงรักษาทรัพย์ สินทีย่ ืม เมื่ อ ผู้ ใ ห้ ยื ม บอกเลิ ก สั ญ ญาแล้ ว ผู้ ใ ห้ ยื ม ย่ อ มเรี ย ก ทรัพย์ สินคืนก่ อนครบกาหนดเวลาได้
3. ผู้ให้ ยืมมีสิทธิเรียกค่ าทดแทน ถ้ าผู้ยืมส่ งคืนทรัพย์ สินในสภาพที่ชารุ ด เสี ยหาย ผู้ให้ ยืมมีสิทธิเรียกค่ าทดแทนจาก ผู้ยืมได้
◼หน้ าทีข ่ องผู้ให้ ยืม
สั ญ ญายื ม ย่ อ มบริ บู ร ณ์ เมื่ อ มี ก ารส่ งมอบ ทรั พย์ สินซึ่ งให้ ยืม ดังนั้นผู้ให้ ยืมจึงมีหน้ าที่ส่ง มอบทรั พย์ สิ นนั้ นแก่ ผู้ ยื ม และจะต้ องไม่ ขัดขวางการใช้ ทรัพย์ สินโดยชอบของผู้ยืม
◼ ความระงับแห่ งสั ญญายืมใช้ คงรูป
1. เมื่อมีการส่ งคืนทรัพย์ สินที่ยืม 2. เมื่อทรัพย์ สินทีย่ ืมสู ญหาย 3. เมื่อผู้ยืมตาย 4. เมื่อครบกาหนดการใช้ ทรัพย์ สินที่ยืม 5. เมื่อมีการบอกเลิกสั ญญายืม
1. เมื่อมีการส่ งคืนทรัพย์ สินที่ยืม เมื่อผู้ยืมใช้ สอยทรั พย์ เสร็ จแล้ ว ก็ต้อง ส่ งคื นทรั พย์ สินที่ยืม ซึ่ งทาให้ สัญญา ยืมระงับไป
2. เมื่อทรัพย์ สินที่ยืมสูญหาย สั ญญายื มย่ อมระงับไป ส่ วนผู้ยืม จะต้ อ งรั บ ผิ ด หรื อ ไม่ น้ั น เป็ นอี ก กรณีหนึ่ง
3. เมื่อผู้ยืมตาย อันการยืมใช้ คงรูป ย่ อมระงับ สิ้นไปด้ วยมรณะแห่ งผู้ยืม
4. เมื่อครบกาหนดการใช้ ทรัพย์ สิน ที่ ยื ม สั ญญายื ม ย่ อมระงั บ ไป เมื่ อ ครบ กาหนดเวลาที่ได้ ตกลงกันไว้ โดยไม่ ต้ องบอก กล่ าวก่ อน
5. เมื่อมีการบอกเลิกสั ญญา ผู้ให้ ยืมมีสิทธิ บอกเลิกสั ญญาได้ เมื่อ (1) ผู้ยืมใช้ ทรัพย์ สินทีย่ ืมไม่ ชอบ หรื อ (2) ผู้ยืมไม่ สงวนและบารุงรักษาทรัพย์ สินที่ยืม ◼ เมื่อผู้ให้ ยืมบอกเลิกสั ญญายืมแล้ ว ก็ทาให้ สัญญายืม ระงับไป
◼ อายุความ ในการฟ้ องคดีเพื่ อเรี ยกค่ าสิ นไหมทดแทนอันเกี่ยวกับการยื มใช้ ค งรู ปนั้ น ห้ ามมิให้ ฟ้องเมื่อพ้นเวลา 6 เดือนนับแต่ วนั สิ้นสั ญญา สั ญญายืมสิ้นไปเมื่อ (1) มีการส่ งคืนทรัพย์สินที่ยืม (2) ทรัพย์ สินทีย่ ืมสู ญหาย (3) ผู้ยืมตาย (4) ครบกาหนดการใช้ ทรัพย์สินทีย่ ืม (5) มีการบอกเลิกสั ญญา
◼สั ญญายืมใช้ สิ้นเปลือง
◼ ลักษณะของสั ญญายืมใช้ สิ้นเปลือง
1. เป็ นนิติกรรมสองฝ่ าย คือมีฝ่ายผู้ให้ ยืม และฝ่ ายผู้ยืม 2. เป็ นสั ญญาไม่ ต่างตอบแทน 3. เป็ นสั ญญายืมทรัพย์ ซึ่งเมื่อใช้ ย่อมเสี ยภาวะเสื่ อมสลาย ไป หรื อสิ้นเปลืองหมดไป เช่ น ยืมข้ าวสาร ถ่ าน น้ามัน บุหรี่ เงินตรา เป็ นต้ น 4. เป็ นสั ญญาที่มีการโอนกรรมสิ ทธิ์ในทรัพย์ สินให้ แก่ ผ้ ูยืม
◼สั ญญายืมใช้ สิ้นเปลืองบริ บูรณ์ เมื่อใด
สั ญ ญายื ม ใช้ สิ้ น เปลื อ งย่ อ มบริ บู ร ณ์ ต่ อเมื่อส่ งมอบทรัพย์ สินทีย่ ืม
◼ผ้ ูยืมมีหน้ าทีเ่ สี ยค่ าใช้ จ่าย
1. ค่ าฤชาธรรมเนียมในการทาสั ญญา 2. ค่ าส่ งมอบและส่ งคืนทรัพย์ สินซึ่งยืม ผู้ยืมเป็ นผู้เสี ย
◼จะต้ องส่ งคืนทรัพย์ สินทีย ่ ืมเมื่อใด
1. เมื่อถึงกาหนดเวลาส่ งคืน 2. ถ้ าในสั ญญาไม่ มี ก าหนดเวลาให้ คื น ทรัพย์ สินซึ่งยืมไป ผู้ให้ ยืมจะบอกกล่ าวแก่ ผู้ยืมให้ คืนทรัพย์ สินภายในเวลาอันควร ซึ่งกาหนดให้ ใน คาบอกกล่ าวนั้นก็ได้
◼สั ญญาก้ ย ู ืมเงิน
◼สั ญญาก้ ย ู ืมเงินบริบูรณ์ เมื่อใด
สั ญญาก้ ูยืมเงินบริ บูรณ์ เมื่ อผู้ ให้ ยืมส่ งมอบ เงิ น ตราที่ ยื ม ให้ แก่ ผู้ ยื ม เมื่ อ ผู้ ใ ห้ ยื ม ส่ งมอบ เงินตราให้ แก่ ผู้ยืมแล้ ว กรรมสิ ทธิ์ในเงินตรานั้น ก็ตกเป็ นของผู้ยืม
◼ หลักฐานแห่ งการก้ ย ู ืม
1. การกู้ยืมเงิน 2,000 บาท หรื อ 2,000 บาทลงมา ไม่ ต้องมี หลักฐานแห่ งการกู้ยืมเป็ นหนังสื อลงลายมื อชื่ อผู้ยืมก็สามารถ ฟ้องร้ องให้ บังคับคดีกนั ได้ แล้ ว 2. การกู้ยืมเงินกว่ า 2,000 บาทขึน้ ไป จะต้ องมีหลักฐานแห่ ง การกู้ยืมเป็ นหนังสื อลงลายมือชื่ อผู้ยืม จึงจะสามารถฟ้ องร้ องให้ บังคับคดีกนั ได้
◼การคิดดอกเบีย ้ ก้ ยู ืม
กฎหมายห้ ามมิให้ คิดดอกเบีย้ เกินร้ อยละ 15 ต่ อปี ถ้ าคิดดอกเบี้ยเกินร้ อยละ 15 ต่ อปี แล้ ว ข้ อตกลงเรื่ อง ดอกเบีย้ เป็ นโมฆะ
◼ในกรณีทจ ี่ ะต้ องเสี ยดอกเบีย้ แก่ กนั และ
ดอกเบีย้ นั้นไม่ ได้ กาหนดอัตราไว้ โดยนิติ กรรม หรื อโดยบทกฎหมายอันใดอันหนึง่ โดยชัดแจ้ งแล้ ว กฎหมายให้ คดิ ดอกเบีย้ ร้ อยละ 7 ครึ่งต่ อปี
◼การชาระหนีก ้ ้ ยู ืม
1. การชาระหนีด้ ้ วยเงิน 2. การชาระหนีด้ ้ วยของ 3. การชาระหนีด้ ้ วยเช็ค
1. การชาระหนี้ด้วยเงิน ในการกู้ยืมเงินที่มีหลักฐานเป็ น หนังสื อ จะนาสื บการใช้ เงินได้ ต่อเมื่อ 1.1 มี ห ลัก ฐานเป็ นหนั ง สื อ อย่ า งใดอย่ า งหนึ่ ง ลงลายมื อ ชื่ อผู้ ให้ ยืมมาแสดง หรื อ 1.2 เอกสารอันเป็ นหลักฐานแห่ งการกู้ยืมนั้นได้ เวนคืนแล้ว หรื อ 1.3 ได้ แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว
2. การชาระหนีด้ ้ วยของ ถ้าทาสัญญากู้ยืมเงินกัน
และให้ ผู้ก้ ยู ืมยอมรับเอาสิ่ งของ หรื อทรัพย์ สินอย่างอื่นเป็ นการ ชาระหนีแ้ ทนเงินทีก่ ้ ยู ืม หนีอ้ นั ระงับไปเพราะการชาระเช่ นนั้น ให้ คดิ เป็ นจานวนเท่ ากับราคาท้ องตลาดแห่ งสิ่ งของหรือ ทรัพย์ สินนั้นในเวลาและ ณ สถานที่ ส่ งมอบ ความตกลงกันอย่ างใด ๆ ขัดกับข้ อความดังกล่ าวมานี้ เป็ นโมฆะ
3. การชาระหนีด้ ้ วยเช็ค การใช้ เช็ คชาระ หนี้เงินก้ ูเป็ นการชาระหนี้ด้วยการออกตั๋ว เงิน ซึ่งหนีจ้ ะระงับไปเมื่อเช็คนั้นได้ ใช้ เงิน แล้ ว ถ้ ายังไม่ มีการใช้ เงินตามเช็ค หนีก้ ้ ยู ืม เงินก็ยงั ไม่ ระงับ