Data Loading...
การปฏิวัติอุตสาหกรรม Flipbook PDF
Doc2
449 Views
171 Downloads
FLIP PDF 1.64MB
การปฏิวัตอิ ุตสาหกรรม
จัดทำโดย
นำงสำวณัฐฎำทิพย์ สุ ประกำร เลขที่ 32 ชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ 5.9
โรงเรี ยนสามัคคีวิทยาคม จ.เชียงราย
สำรบัญ หน้า ผูจ้ ดั ทา สารบัญ
1. การปฏิวตั ิอุตสาหกรรม และสาเหตุของการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม
1
2. การปฏิวตั ิอุตสาหกรรมครั้งที่ 1
2
3. การปฏิวตั ิอุตสาหกรรมครั้งที่ 2
12
4. ผลกระทบของการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมที่สาคัญ
13
แหล่งอ้ างอิง
1
กำรปฏิวัติอุตสำหกรรม (Industrial Revolution) ยุคแห่งการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม เกิดขึ้นใน ช่ วงคริสต์ ศตวรรษที่ 18-19 จากสาเหตุการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตจากเดิมที่ใช้แรงงานมนุษย์มา เป็ นเครื่ องจักรกล ซึ่ งก่อให้เกิดผลดีต่อการผลิต ทั้งในด้านปริ มาณและคุณภาพ กำรปฏิวตั ิอุตสำหกรรม (Industrial Revolution) เริ่ มต้นที่ประเทศอังกฤษ เป็ นกระบวนการที่เกิดขึ้น อย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่ องมาตั้งแต่คริสต์ ศตวรรษที่ 18 เกิดการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมขึ้น 2 ครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ 1 ระหว่าง ค.ศ. 1760-1860 ในประเทศอังกฤษ ครั้งที่ 2 ระหว่าง ค.ศ. 1860 เป็ นต้นไป มีสหรัฐอเมริ กาเป็ นผูน้ า
สำเหตุของกำรปฏิวัติอุตสำหกรรม กำรปฏิวตั ิอุตสำหกรรมครั้งที่ 1 มีสาเหตุมาจากการขยายตัวทางการค้าซึ่ งเกิดจากการสารวจดินแดน และการล่าอาณานิคม ในคริสต์ ศตวรรษที่ 16-17 รวมทั้งความเจริ ญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ การยกเลิก การค้าแบบผูกขาดทาให้เกิดการพัฒนาทางการค้า การปฏิรูปเกษตรกรรมทาให้มีการค้นคว้าประดิษฐ์ เครื่ องมือทางการเกษตร การปรับปรุ งพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ มีแรงงานในชนบทเข้ามาทางานในโรงงาน อุตสาหกรรมมากขึ้น สาเหตุที่ทาให้ประเทศอังกฤษกลำยเป็ นผู้นำในกำรปฏิวตั ิอุตสำหกรรมคือ อังกฤษมีฐานะการเงินดีและ เศรษฐกิจมัน่ คง มีอาณานิคมเกือบทัว่ โลก ซึ่ งเป็ นแหล่งทรัพยากรและตลาดรับซื้ อสิ นค้าจากอังกฤษ มี แรงงานเพียงพอ มีวตั ถุดิบสาคัญ ได้แก่ เหล็กและถ่านหิ น มีความสามารถในการค้นคว้าสิ่ งประดิษฐ์ ต่างๆ เพราะการศึกษามีความก้าวหน้า รัฐบาลอังกฤษให้สิทธิ เสรี ภาพแก่ประชาชน ส่ งเสริ มการลงทุนและการค้าขาย นอกจากนี้บางพื้นที่ในยุโรปได้รับความเสี ยหายมากจากสงครามนโปเลียน ระหว่าง ค.ศ. 1793-1815 จึงจาเป็ นต้องพึ่งพาสิ นค้าจากอังกฤษ
2
การปฏิวตั ิอุตสาหกรรมได้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางสังคมเป็ นอย่างมากจนนาไปสู่ การ ปฏิวตั ิทางความคิด เกิดยุคสมัยแห่งการใช้เหตุผลและยุคแห่งการสว่างไสวทางปัญญาเพื่อแก้ไข ปัญหาทางสังคม ดังกล่าว ซึ่งมีผลต่อแนวคิดทางด้านการเมืองการปกครองของโลกในปัจจุบนั กำรปฏิวัติอุตสำหกรรมครั้ งที่ 1 การปฏิวตั ิอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 เริ่ มต้นจากการทอผ้าในอังกฤษ กำรปฏิวตั ิครั้งนีท้ ำให้ เกิด นักประดิษฐ์ จำนวนมำก และได้คิดค้นเครื่ องจักรกลช่วยในการทอผ้า ดังนี้ จอห์ น เคย์ (John Kay) ประดิษฐ์ที่กระตุกช่วยให้การทอผ้าเร็วขึ้นเป็ น 2 เท่า
3
เจมส์ ฮำร์ กรีฟส์ (James Hargreaves) ประดิษฐ์เครื่ องปั่นด้ายให้ชื่อว่า “สปิ นนิงเจนนี” (Spinning Jenny) เป็ นเครื่ องปั่นด้ายมีแกน 8 อัน
4
ริชำร์ ด อำร์ กไรต์ (Richard Arkwright) ประดิษฐ์เครื่ องปั่นด้ายโดยใช้พลังน้ า มีชื่อว่า “วอเตอร์เฟรม” (Water Frame)
5
แซมมวล ครอมป์ ตัน (Samuel Crompton) ( ค.ศ. 1753 – 1827 ) ในปี ค.ศ. 1779 แซมมวล ครอมป์ ตัน(Samuel Crompton) ได้ ประดิษฐ์เครื่ องปั่นด้าย ที่เรี ยกว่า “ Spinning Mule” ทาให้ปั่นด้าย ได้รวดเร็วและมีประสิ ทธิ ภาพสู ง “ Spinning Mule” ประสานคุณสมบัติของ Spinning Jenny และ
Water Frame เข้าด้วยกันประดิษฐ์เครื่ องปั่นด้าย ชื่อ “ Spinning Mule” ผลิตด้ายได้ทนมากกว่า ประณี ตกว่า และมีความคงเส้นคง กว่าเครื่ องปั่นด้ายรุ่ นก่อนๆ
6
เอ็ดมันด์ คำร์ ตไรท์ (Edmund Cartwright) ( ค.ศ. 1743 – 1823 ) นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1787 เอ็ดมันด์ คาร์ตไรท์ (Edmund Cartwright) ประดิษฐ์เครื่ องทอผ้าแบบใหม่ที่เรี ยกว่า “หูกทอผ้า” ที่มีชื่อเรี ยกว่า “Power Loom” (Edmund Cartwright Power Loom) เครื่ องทอผ้าของเอ็ดมันด์ คาร์ตไรท์ ทอผ้าได้เร็วขึ้น สามารถทอผ้า ได้เร็วเท่ากับคน 200 คน
7
เอลี วิตนีย์ (Ell Whitney) ( ค.ศ. 1765 – 1825 ) นักประดิษฐ์ชาว อเมริ กนั ในปี ค.ศ. 1783 เอลี วิตนีย ์ (Ell Whitney) ประดิษฐ์เครื่ องแยกเมล็ดฝ้ ายออก จากใย ( Cotton Gin ) เป็ นเครื่ องหีบฝ้ ายที่ทางานได้รวดเร็ ว และใช้คนงานน้อย กว่าแบบลูกกลิ้งมาก ทาให้ตน้ ทุนการหี บต่า ต้นฝ้ ายของอังกฤษนามาจากพื้นที่เพาะปลูกในอเมริ กาได้ในยุค 1780 การแกะ เมล็ดออกจากต้นฝ้ ายด้วยมือเป็ นงานที่ยงุ่ ยาก ใน ค.ศ.1783 นักประดิษฐ์ชาว อเมริ กนั เอลี วิตนีย ์ (Ell Whitney) ได้ประดิษฐ์เครื่ องจักรเพื่อทางานบ้านได้ รวดเร็ วขึ้น เครื่ องปั่ นฝ้ ายของเขา ปั่ นฝ้ ายได้เป็ นทวีคูณ นามาทาความสะอาดได้ ด้วย การผลิตผ้าฝ้ ายของชาวอเมริ กนั จึงพุง่ สู งขึ้นจาก 1,500,000 ปอนด์ ใน ค.ศ. 1790 จนถึง 85,000,000 ปอนด์ ใน ค.ศ. 1810
8
จอร์ จ สตีเฟนสั น (Gearge Stephenson) ประดิษฐ์หวั รถจักรไอน้ า “ร็อกเก็ต” (Rocket) ทาให้มีการ เปิ ดเส้นทางรถไฟสายแรกของโลกระหว่างเมืองริ เวอร์พลู และแมนเชสเตอร์ในประเทศอังกฤษ
9
รอเบิร์ต ฟุลตัน (Robert Fulton) นาพลังงานไอน้ ามาใช้กบั เรื อ
10
แซมมวล คูนำร์ ด (Semuel Cunard) สามารถเดินเรื อกลไฟข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้
11
เจมส์ วัตต์ (James Watt) สามารถนาพลังงำนไอนำ้ โดยใช้ ถ่ำนหินเป็ นเชื้อเพลิงหลักมำใช้ กบั เครื่องกล และได้นาไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างแพร่ หลาย ซึ่ งมีผลทาให้วงการอุตสาหกรรม เจริ ญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ ว ต่อมาเจมส์ วัตต์ได้ปรับปรุ งเครื่ องจักรให้สามารถใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า ได้สาเร็ จ จากนั้นวิทยาการเกี่ยวกับการทอผ้าก็ได้พฒั นาอย่างต่อเนื่ อง
เนื่องจากกำรปฏิวตั ิอตุ สำหกรรมครั้งที่ 1 ใช้พลังงานไอน้ าเป็ นหลักจึงเรี ยกการปฏิวตั ิครั้งนี้ ว่า สมัยแห่ งพลังงำนไอนำ้
12
กำรปฏิวัติอุตสำหกรรมครั้ งที่ 2 เริ่ มในช่ วงปลำยคริสต์ ศตวรรษที่ 19ทีส่ หรัฐอเมริกำ สื บเนื่องมาจากการนาวิธีการ ค้นคว้าวิจยั ทางวิทยาศาสตร์มาใช้กบั วงการอุตสาหกรรม มีการนาพลังงานใหม่ๆ มาใช้ เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ ามัน พลังงานไฟฟ้ าและการทาเหล็กให้เป็ นเหล็กกล้า นับตั้งแต่ เซอร์ เฮนรี เบสซิเมอร์ (Sir Henry Bessemer) ค้นพบวิธีแยกแร่ อื่นๆ ออกจาก เหล็กโดยทาให้เหล็กมีคุณสมบัติดีข้ ึนเป็ นเหล็กกล้า หลังจากนั้นมาเหล็กกล้ำได้ เข้ ำมำมีบทบำททีส่ ำคัญอย่ ำงยิง่ ต่ ออุตสำหกรรมและกำร คมนำคมทุกประเภท ทาให้มีการเรี ยกการปฏิวตั ิครั้งนี้วา่ ยุคเหล็กกล้ำ (Age of Steel)
อย่างเช่น อะเล็กซำนเดอร์ กุสตำฟ ไอเฟล (Alexander Gustave Eiffel) สร้างหอคอยไอเฟล ด้วยเหล็กล้วน จนกลายเป็ นสัญลักษณ์สาคัญของกรุ งปารี ส ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนั้นยังมีการนาความรู ้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างจริ งจัง ทาให้เกิด การจัดระบบงานในโรงงานอุตสาหกรรมแบบใหม่เป็ นการจัดแบ่งงานกัน แต่ละคนรับผิดชอบงานของตน ทาให้ผลิตได้ครั้งละมากๆ เรี ยกว่า กำรผลิตจำนวนมำก (Mass production)
13
ผลกระทบของกำรปฏิวตั ิทำงอุตสำหกรรมทีส่ ำคัญ
ด้ ำนเศรษฐกิจ
ทาให้ท้ งั ผลผลิตและแรงงานภาคการเกษตรถูกนามาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เศรษฐกิจใน ระบบเงินตราขยายตัว ทาให้เกิดกลไกทางการตลาดตามแนวคิดของอดัม สมิท ซึ่งเป็ นเศรษฐกิจแบบภาครัฐไม่เข้าไป ก้าวก่ายกับระบบตลาด ยกเว้นเรื่ องการเก็บภาษีเท่านั้น
อดัม สมิท
ด้านสังคม
เกิดชนชั้นนายทุนและกรรมกร
การเพิ่มจานวนประชากร
การอพยพของชาวชนบทเข้าสู่ เมือง
เกิดการใช้แรงงานผูห้ ญิงและเด็ก ในอังกฤษมีวรรณกรรมหลายเรื่ องสะท้อนสภาพชีวติ ของ แรงงานที่ถูกกดขี่และเอารัดเอาโดยเปรี ยบนายจ้าง
14
ควำมสำเร็จของกำรปฏิวตั ิอตุ สำหกรรมของอังกฤษทาให้ประเทศอื่นในยุโรปให้ความสนใจที่ จะพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างจริ งจังด้วย ในคริ สต์ศตวรรษที่ 19 เกิดการขยายตัวของการปฏิวตั ิ อุตสาหกรรมไปถึงเบลเยียม เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริ กา และขยายตัวไปยังส่ วนต่างๆ ของ โลกด้วยเช่นกัน
ผลจำกกำรปฏิวตั ิอุตสำหกรรม ทาให้ประชากรโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ ว เกิดการอพยพจากชนบทมาสู่ เมือง เมืองอุตสาหกรรมต่างๆ กลายเป็ นเมืองแออัดที่มีปัญหาด้านสุ ขภาพอนามัยและการสาธารณสุ ข เกิด ปัญหาสังคมตามมามากมายพร้อมๆ กับความเจริ ญด้านการก่อสร้างและสถาปั ตยกรรม ที่สาคัญการปฏิวตั ิ อุตสาหกรรมทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองและการปกครอง ความคิดด้านเสรี นิยมขยายตัว มากขึ้นและเกิดการแตกแยกด้านความคิดเป็ นกลุ่มลัทธิ ทุนนิยมกับลัทธิ สังคมนิยมอย่างชัดเจน
15
ด้ ำนกำรเมือง
ทาให้ชนชั้นกลางมีบทบาททางการเมือง
ส่ วนชนชั้นกรรมกรก็มีโอกาสเข้ามามีบทบาททางการเมืองเพราะมีจานวนเพิ่มมากขึ้น
ชนชั้นกรรมกรได้รวมพลังกันเพื่อเรี ยกร้องความยุติกรรมและสิ ทธิที่พึงจะได้ มีการจัดตั้งสหภำพแรงงำน (The Union) โดยเริ่ มที่องั กฤษเป็ นแห่งแรก ใน ระยะแรกสหภาพแรงงานเหล่านี้ได้รับการต่อต้านและขัดขวางจากรัฐบาล โดยระบุวา่ เป็ น เหมือนอาชญากร แต่ในระยะต่อมาได้รับการรับรองจากรัฐบาล สหภำพแรงงำนใช้ วธิ ีกำรนัดหยุดเป็ น อำวุธสำหรับกำรต่ อรองกับนำยจ้ ำง การเกิดสหภาพแรงงานทาให้ฐานะของกรรมกรได้รับการ ปรับปรุ งดีข้ ึน มีการขยายสิ ทธิผมู ้ ีสิทธิเลือกตั้ง ทาให้กรรมกรค่อยๆ เข้ามามีบทบาททางการเมือง
แหล่งอ้ำงอิง
https://www.bootcampdemy.com/content/106%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F %E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4 %E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2 %E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1industrial-revolution
http://www.satit.up.ac.th/BBC07/AboutStudent/Document/Hist_ ModernWorld/Modernworld_1/pdf/Textile.pdf