Data Loading...

ลงเว็บ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ Flipbook PDF

ลงเว็บ หลักฐานทางประวัติศาสตร์


178 Views
159 Downloads
FLIP PDF 1.12MB

DOWNLOAD FLIP

REPORT DMCA

หลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ Kru-Song (Social Studies)

1

2

3

4

5

ขั้นที่ 1 กำหนดหัวข้อเรื่อง ที่จะศึกษำ

การตั้งเป้าหมายที่จะศึกษา เช่น - จะศึกษา เรื่องอะไร ? - ประวัติศาสตร์ช่วงไหน ? - ศึกษาเพื่ออะไร? - ศึกษาเกี่ยวกับบุคคลใด ?

# วิธีการทางประวัติศาสตร์

1

2

ขั้นที่ 2 รวบรวมหลักฐำน * ขยำยควำม

3

4

5

ศึกษา ค้นคว้าจากหลักฐานต่าง ๆ หลักฐานแบ่งตามความสาคัญ โดยแบ่งเป็น - หลักฐานชั้นต้น (ปฐมภูมิ) - หลักฐานชั้นรอง (ทุติยภูมิ)

หลักฐานแบ่งตามลักษณะ โดยแบ่งเป็น - หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร -หลักฐานที่ไม่ใช้ลายลักษณ์อักษร

# วิธีการทางประวัติศาสตร์

1

2

3

4

5

ขั้นที่ 3 ประเมินหลักฐำน ** ขยำยควำม

การประเมินภายนอก ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม การประเมินภายใน ว่าน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน

# วิธีการทางประวัติศาสตร์

1

2

3

4

5

ขั้นที่ 4 วิเครำะห์ สังเครำะห์ และ กำรจัดหมวดหมู่ข้อมูล

เรียบเรียงข้อมูล และจัดการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ตีความออกเป็นหมวดหมู่ให้ชัดเจน ทาการหาความสัมพันธ์ ของข้อมูล โดยไม่มีอคติ เพื่อสร้างเป็นความรู้ใหม่

# วิธีการทางประวัติศาสตร์

วิเคราะห์ วิเครำะห์ คือ การแยกแยะ สิ่งที่จะ พิจารณาออกเป็นส่วนย่อย เพื่อดู ส่วนประกอบและความสัมพันธ์ที่ เกี่ยวข้องกัน

Vs สังเคราะห์ กำรสังเครำะห์ คือ การนาองค์ประกอบต่าง ๆ มา หลอมรวมกัน ภายใต้แนวคิดใหม่อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างไปจากเดิม

1

2

3

4

5

ขั้นที่ 5 กำรเรียบเรียง หรือ กำรนำเสนอ

เรียบเรียงข้อมูลใหม่ที่ค้นพบ และ นาเสนอ

# วิธีการทางประวัติศาสตร์

 : กำหนดหัวข้อที่จะศึกษำ

#สรุปวิธีกำรทำงประวัติศำสตร์

 : ประเมินหลักฐำน  : รวบรวมหลักฐำน  : วิเครำะห์ สังเครำะห์ และจัดหมวดหมู่

 : กำรเรียบเรียง และ นำเสนอ

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานแบ่งตามความสาคัญของหลักฐาน 1. หลักฐานชั้นต้น หรือ “ปฐมภูมิ” คือ หลักฐานที่เกิดขึ้นร่วมสมัยกับเหตุการณ์ / ผู้พบเห็นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โดยตรง เช่น จดหมายที่ถูกเขียนโดยคนที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง , โบราณวัตถุ, โบราณสถาน 2. หลักฐานชั้นรอง หรือ “ทุติยภูมิ” คือ หลักฐานที่เกิดขึ้นภายหลังเกิดเหตุการณ์ / ผู้จัดทาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น เช่น หนังสือเรียนประวัติศาสตร์ , วรรณกรรม , บทประพันธ์ * ขยำยควำม จำก ขั้นที่ 2 รวบรวมหลักฐำน

ตัวอย่าง : หลักฐานแบ่งตามความสาคัญของหลักฐาน 1. หลักฐานชั้นต้น หรือ “ปฐมภูมิ”

2. หลักฐานชั้นรอง หรือ “ทุติยภูมิ”

* ขยำยควำม จำก ขั้นที่ 2 รวบรวมหลักฐำน

หลักฐานทางประวัติศาสตร์(ต่อ) หลักฐานแบ่งตามลักษณะของหลักฐาน 1. หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น จารึก , พงศาวดาร , จดหมายเหตุ , วรรณกรรม ,เอกสารราชการต่าง ๆ เป็นต้น 2. หลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น - โบราณวัตถุ เช่น เครื่องปั้นดินเผา , โครงกระดูก , เหรียญกษาปณ์ - โบราณสถาน เช่น วัด , วัง , หลุมศพ , กาแพงเมือง

* ขยำยควำม จำก ขั้นที่ 2 รวบรวมหลักฐำน

กำรประเมินหลักฐำนทำงประวัติศำสตร์ มีด้วยกัน 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1. เป็น ของจริง หรือ ของเลียนแบบ ดูจาก วัสดุที่ใช้เขียน รูปแบบการเขียน สานวนภาษา อักขรวิธี 2. กำรศึกษำภูมิหลังของผู้ทำหรือผู้เกี่ยวข้อง ดูว่า เป็นพวกเดียวกัน ศัตรู หรือ เป็นผู้มีความรู้ ในเรื่องที่บันทึกหรือไม่ 3. วัตถุประสงค์ของกำรทำ การพิจารณาถึงสาเหตุของการจัดทาหลักฐานนั้นๆ 4. ช่วงระยะเวลำในกำรจัดทำ การพิจารณาว่า หลักฐานนั้น ๆ จดบันทึกทันที หรือ บันทึกหลังจากผ่านเวลานั้นไปนานแล้ว 5. รูปลักษณะของหลักฐำน รูปแบบการเขียนเป็นแบบทางการ หรือ แบบเขียนเล่าบรรยายทั่วไป -

-

-

-

-

กำรแยกแยะข้อมูลจำกหลักฐำนทำง ประวัติศำสตร์

ควำมจริง สิ่งที่ยืนยันความ เกิดขึ้นจริง ไม่สามารถแก้ไขหรือ เปลี่ยนแปลงได้

เนื่องจากมีการเขียนบันทึกเรื่องราวในอดีต หากต้องการใช้เรื่องราว ดังกล่าว ในการอ้างอิงในทางการศึกษาประวัติศาสตร์ ต้อง ดาเนินการวิเคราะห์ ความแตกต่างของเรื่องราว

ข้อเท็จจริง ข้อมูลที่เป็นคาอธิบายและเหตุผลประกอบ แต่ อำจมีควำมเป็นไปได้หรือไม่ถูกต้องก็ได้ (ข้อความที่ไม่สามารถยืนยันได้ 100% / ข้อความที่มี เหตุผลมาโต้แย้ง)

ควำมคิดเห็น ข้อมูลที่ แสดงควำมรู้สึก

ข้อเสนอแนะ หรือ คำดคะเน สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจริง

ตัวอย่ำง : การแยกแยะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ “อาณาจักรอยุธยา เคยเสียกรุงครั้งที่ 1 เมื่อปีพ.ศ.2112”

(ควำมจริง)

อาณาจักรอยุธยา เคยเสียกรุงครั้งที่ 1 เมื่อปีพ.ศ.2112 โดยสาเหตุของการเสียกรุงเกิดจากประชาชนไม่สามัคคีกัน “โดยสาเหตุของการเสียกรุงเกิดจากประชาชนไม่สามัคคีกัน”

(ข้อเท็จจริง)

กำรตีควำมหลักฐำน คือ การทาความเข้าใจว่าหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ ว่าต้องการ ให้ข้อมูลอะไร และ ข้อมูลนั้นมีความหมายว่าอย่างไร เพื่อให้เข้าใจ มากยิ่งขึ้น