Data Loading...
Ebook COVID Flipbook PDF
Ebook COVID
136 Views
116 Downloads
FLIP PDF 1.99MB
รู้เท่าทันภัยโควิด 2019
รายวิชา 0036 006 ภาวะผู้นา
สานักศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
คานา
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่อง “รู้เท่าทันภัยโควิด 2019” เล่มนี้เป็นส่วน หนึ่งของรายวิชา 0036 006 ภาวะผู้นา รายวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัย มหาสารคาม จัดทาขึ้นเพื่อมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ที่สนใจศึกษา เพิ่มเติมความรู้ เกี่ยวกับโรคโควิด 2019 หรือไวรัสโคโรนาที่กาลังเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ของคน ทั่ ว โลก ซึ่ ง จะมี เ นื้ อ หาเกี่ ย วกั บ ที่ ม าของโรค ลั ก ษณะและอาการของโรค การดูแลและป้องกันตนเองให้หลีกเลี่ยงจากไวรัสโคโรนา รวมถึงแบบประเมิน ตนเองว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือไม่ ทั้งนี้ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่อง “รู้เท่าทัน ภัยโควิด 2019” เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของท่าน พร้อมทั้งเป็น สื่อที่ช่วยให้ได้รับความรู้มากยิ่งขึ้น ผู้จัดทา
สารบัญ โควิด-19 คืออะไร ?
คลิก
เชื้อไวรัสโควิด-19 มีชื่อทางการว่าอะไร
คลิก
ความเป็นมาของโรคโควิด-19 คลิก ลักษณะของโรค COVID-19 เส้นทางที่เชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าสูร่ ่างกาย
คลิก
คลิก
ลักษณะอาการเบื้องต้นโรค COVID-19
คลิก
รู้หรือไม่ภัยโควิด-19 แนวทางการปฏิบัติตัว คลิก การสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง
คลิก
ล้างมืออย่างไรห่างไกลโควิด-19 คลิก ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ COVID-19 คลิก
การประเมินสุขภาพตนเอง คลิก
โควิด-19 คืออะไร ? โควิด-19 หรือที่รู้จักชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ไวรัสโคโรนาสาย พันธุ์ใหม่” เป็นไวรัสที่ถูกพบครั้งแรกในปี 1960 เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ แพร่กระจายจากคนสู่คน ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กาลังแพร่ระบาดหนักทั่วโลกตอนนี้เป็นสาย พันธุ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพันธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น “ไวรัส โคโรนาสายพั น ธุ์ ใ หม่ ” และในภายหลั ง ถู ก ตั้ ง ชื่ อ อย่ า งเป็ น ทางการว่ า “โควิด-19” (COVID-19) นั่นเอง ดังนั้น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และ ไวรัสโควิด-19 จึงหมายถึงไวรัสชนิดเดียวกัน
เชื้อไวรัสโควิด-19 มีชื่อทางการว่าอะไร ? เชื้อไวรัสโรคไวรัสโคโรนา มีชื่อชั่วคราวที่ใช้ในตอนแรกคือ 2019nCoV ชื่อทางการในปัจจุบันคือ SARS-CoV-2 ส่วนชื่อของโรคติดเชื้อ ชนิดนี้เรียกว่า COVID-19 ย่อมาจาก CO แทน corona, VI แทน virus, D แทน disease และ 19 แทน 2019 องค์การอนามัยโลกตั้งชื่อแบบนี้เพื่อ มิ ใ ห้ เ กิ ด “รอยมลทิ น ” กั บ ประเทศ พื้ น ที่ ผู้ ป่ ว ย ประชาชนและสั ต ว์ ที่ เกี่ยวข้องกับจุดกาเนิดและการระบาดของโรคนี้
ความเป็นมาของโรคโควิด-19 ไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสในสัตว์ มีหลายสายพันธุ์ โดยปกติไม่ก่อโรคในคน แต่เมื่อกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคในมนุษย์ได้ (ซึ่งมักเกิดจากการ จัดการที่ผิดธรรมชาติโดยมนุษย์) ในขณะที่มนุษย์ยังไม่รู้จักและไม่มีภูมิต้านทาน ก็จะเกิดการระบาดของโรคในคน เริ่มพบผู้ป่วยครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) ที่เมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหู เป่ย์ ภาคกลางของประเทศจีน ซึ่งเป็น เมืองใหญ่มีผู้คนหนาแน่น จึงเกิดการระบาดใหญ่ได้รวดเร็ว การดูแลรักษา เป็นไปอย่างฉุกเฉิน มีคนป่วยหนักและตายมากเกินที่ควรจะเป็น จนประเทศจีน ต้ อ งปิ ด เมื อ ง และปิ ด ประเทศต่ อ มา ขณะนี้ ป ระเทศจี น สามารถควบคุ ม ได้ จนแทบจะไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ แต่โดยธรรมชาติแล้ว จะยังมีผู้ที่มีเชื้ออยู่ ผู้ ป่ ว ยรายแรกที่ รั บ การรั ก ษาในประเทศไทย เมื่ อ วั น ที่ 13 มกราคม 2563 เป็นคนจีนที่รับเชื้อจากการระบาดในประเทศจีน และได้เดินทางมาประเทศ ไทย หลังจากนั้น มีผู้ป่วยอีกหลายรายที่มาจากประเทศอื่น ส่วนผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ในประเทศไทยรายแรก มีการรายงานเมื่อ 31 มกราคม 2563
ความเป็นมาของโรคโควิด-19
(ต่อ)
โรคนี้เกิดจากไวรัสโคโรนา (Corona virus) ที่กลายพันธุ์ในธรรมชาติเป็น สายพันธุ์ใหม่ จากการที่ธรรมชาติถูกมนุษย์ท าร้าย โดยมีสมมุติฐานว่า ไวรัส อาจจะมี แ หล่ ง เริ่ ม ต้ น คื อ ค้ า งคาว และกลายพั น ธุ์ เ มื่ อ ผ่ า นสั ต ว์ ตั ว กลาง กลายเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคในคน และคนไปรับเชื้อมาแพร่ระหว่างคน สู่คน ทั้งนี้ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป เคยมีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันจากไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในอดีต คือการเกิดโรค SARS (พ.ศ. 2545) และ MERS (พ.ศ. 2557) ซึ่งทั้งสองโรคนั้น ผู้ป่วยมีอาการหนักทั้งหมดและต้อง อยู่ในโรงพยาบาล จึงสกัดการแพร่โรคได้ไม่ยากนัก ส่วนผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่แพร่เชื้อ มีทั้งผู้ที่มีอาการน้อยหรืออาจไม่ มีอาการ นอกเหนือจากผู้มีอาการหนักซึ่งมีน้อยกว่ามาก จึงควบคุมการระบาด ได้ยากกว่า
ลักษณะของโรค COVID-19 การติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัส
ระบบทางเดิ นหายใจเริ่ มจากจมู กลงไปถึ งถุ งลมในปอด แบ่ งออกเป็ น ทางเดิ นหายใจส่ ว นบน (จมู ก โพรงรอบจมู กหรื อไซนั ส กล่ อ งเสี ยง) และ ส่วนล่าง (หลอดลมและปอด) ความเจ็บป่วยจากการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจ ส่วนบน จะไม่รุนแรงเท่าการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง ไวรัสที่ชอบทางเดิน หายใจส่วนล่างจึงก่อโรครุนแรงกว่าความเจ็บป่วยจากการติดเชื้อไวรัสที่ทางเดิน หายใจ เป็ น ผลจากที่ ไ วรั ส เข้ า ไปแบ่ ง ตั ว ในเซลล์ ข องทางเดิ น หายใจ และ เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย ความรุนแรงของโรคมากน้อยขึ้นอยู่กับ 1. ลักษณะเฉพาะตัวของไวรัส ซึ่งชอบที่จะไปอยู่ที่ส่วนไหนของทางเดิน หายใจ เช่ น ในรู จ มู ก ท าให้ มี น น้ ามู ก หรื อ ลงปอดเกิ ด ปอดอั ก เสบ และ ความสามารถในการกระตุ้นปฏิกิริยาการอักเสบ 2. ปฏิกิริยาทางอิมมูนของผู้ติดเชื้อ เพื่อการกาจัดไวรัส ซึ่งอาจก่อให้เกิด การอักเสบมากเกินพอ และหากกระบวนการยับยั้งไม่ดีก็จะทาให้โรครุนแรง
การติดเชื้อ ไวรัสโควิด -19 รวมถึงไวรัสอื่นที่ท าให้ติดเชื้อที่ทางเดินหายใจ เข้าสู่ ร่างกายโดยทาง “ปาก จมูก ตา” โดยที่ไวรัสจะเข้าไปเกาะติดและเข้าไปแบ่งตัวใน เซลล์ของเยื่อบุทางเดินหายใจ ไวรัสไม่เข้าทางผิวหนัง หรือแผลที่ผิวหนัง
ระยะฟักตัว (Incubation period, IP) หมายถึงระยะเวลาตั้งแต่รับเชื้อจนถึงเริ่มมีอาการป่วย ระยะฟักตัวของโรค COVID-19 เท่ากับ 2-14 วัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ให้ ผู้สัมผัส โรคกักกันตัวจากคนอื่น 14 วัน
เส้นทางที่เชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ร่างกาย ถึงแม้ว่าในขณะที่จัดทาคู่มือการจัดการ COVID-19 สาหรับสถานประกอบ กิจการ มีข่าวจากบางหน่วยงานของต่างประเทศว่าการติดเชื้อ COVID-19 นี้ อาจติดต่อได้ในลักษณะ Airborne คือไวรัสนี้แพร่กระจายในอากาศ และคน หายใจเข้าสู่ร่างกายได้ก็ตาม แต่ในขณะนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ยังคงยืนยันว่าการได้รับเชื้อดังกล่าว เข้าสู่ร่างกายนั้น ยังไม่เกิดขึ้นในเส้นทางการเป็น Airborne คือการหายใจไวรัส ในอากาศเข้าสู่ร่างกาย ยกเว้นกรณีของบุคลากรทางการแพทย์ที่ใช้อุปกรณ์ทา ให้เกิดละอองเท่านั้น
1. เส้นทางจากการสัมผัสโดยตรงกับฝอยละออง (Droplet) ของผู้ติดเชื้อ (Direct Droplet Transmission) เส้นทางนี้ เกิดขึ้นจากการที่ตัวเราไปอยู่ใกล้ชิด (ในระยะน้อยกว่า 2 เมตร) กับผู้ป่วย หรือผู้ที่มีเชื้อโควิด -19 เมื่อคนเหล่านี้ไอ จาม ออกมา ก็จะมีฝอย ละอองประมาณ 3,000 หยดต่อการไอหรือจาม 1 ครั้ง ก็ทาให้เราที่อยู่ใกล้ ได้รับฝอยละอองเข้าสู่ร่างกายทางจมูก เช่นนี้เรียกเป็นการสัมผัสหรือได้รับ โดยตรง จนทาให้เกิดการสัมผัสเชื้อขึ้น นอกจากนี้ฝอยละอองดังกล่าว ก็อาจ ไปติดกับมือ ผิวหน้า แขน หรือติดกับพื้นโต๊ เก้าอี้ ฯลฯ ทาให้หากมือเราไป สัมผัสตามที่กล่าว แล้วมาเช็ดหน้า เช็ดตา เช็ดปาก ก็จะมีโอกาสที่ร่างกายจะ ได้รับเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายได้ เรียกการได้รับแบบนี้ว่าการได้รับโดยอ้อม
2. เส้นทางการสัมผัสเชื้อแบบทางอ้อม (Indirect Transmission) เส้นทางนี้เกิดขึ้นจากการสัมผัสกับฝอยละอองสารคัดหลั่งจากผู้ที่ติด เชื้อไวรัสโควิด-19ที่เกาะอยู่ตามวัสดุที่เป็นจุดสัมผัสบ่อย ๆ โดยเฉพาะสถานที่ สาธารณะ รถโดยสารสาธารณะ เช่น ประตู ลูกบิด โต๊ะ เก้าอี้ ราวบันได ลิฟต์ พื้น เสื้อผ้า และร่างกาย เช่น การสัมผัสมือ หยอกล้อ สัมผัสตัวซึ่งกันและกัน
สัมผัส
กอด
สถานที่แอดอัด
ลักษณะอาการเบื้องต้นโรค COVID-19
ถ้าเริ่มมีอาการดังที่กล่าวมาภายใน 14 วัน หลังจากไปพื้นที่ระบาดที่ได้รับ การประกาศอย่างเป็นทางการ ควรรีบไปพบแพทย์ทน ั ที
!
การสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง
ล้างมือให้สะอาด ก่อน-หลังสวมและถอด หน้ากากทุกครั้ง
จับสายยกคล้องหู ทั้ง 2 ข้าง
ดัดลวดให้แนบกับ สันจมูกและใบหน้า
สวมคลุมจมูกและปาก หันด้านสีเข้มออกด้านนอก
ดึงขอบล่าง ให้คลุมใต้คาง
ล้างมืออย่างไรห่างไกลโควิด-19
เริ่มต้นล้างด้วยน้าและ สบู่ใช้ฝามือถูกัน
ใช้หลังมือถูฝ่ามือ
ใช้ปลายนิ้วมือ ถูขวางฝ่ามือ
ใช้ฝ่ามือถูหลังมือ และนิ้วถูซอกนิ้ว
ใช้ฝ่ามือถูฝ่ามือ และนิ้วถูกซอกนิ้ว
ใช้ใช้ฝ่ามือถูนิ้วหัวแม่มือ โดยรอบ
ใช้ฝ่ามือถูรอบข้อมือ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ COVID-19
แสงแดดสามารถฆ่าเชื้อโรคโควิด-19 ได้หรือไม่ ? ไม่ได้! สภาพอากาศร้อนไม่ได้ช่วยฆ่าเชื้อโรคโควิด-19 คุณยังสามารถติดโรคได้ แม้ว่าอยู่กลางแดดหรือในพื้นที่เขตร้อน การตากเสื้อผ้าหรือหน้ากากอนามัยไว้กลางแดดไม่ช่วยฆ่าไวรัส วิธีทา ความสะอาดเสื้ อ ผ้ า ที่ ดี ที่ สุ ด คื อ การซั ก ด้ ว ยผงซั ก ฟอกและน้ าร้ อ นตั้ ง แต่ อุ ณ หภู มิ 60 องศาเซลเซีย ส หน้ า กากอนามั ย แบบใช้ แ ล้ ว ทิ้ ง ควรใช้ เ พี ย ง ครั้งเดียวเท่านั้น
รับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพช่วยฆ่าไวรัส หรือไม่ ? ไม่ช่วย! การดื่มน้าผสมเกลือ, ขิง และน้ามะนาว ไม่สามารถช่วยป้องกันคุณ จากการติดโรคโควิด-19 ได้
การรับประทานอาหาร ที่มีรสชาติเผ็ดจัดหรือ การรับประทานกระเทียม หรือสมุนไพรไม่สามารถช่วย ป้องกันการติดโรคโควิด-19 ได้
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ช่วยป้องกันการติดไวรัส และหากดื่มในปริมาณมาก จะกดระบบภูมคิ มุ้ กัน ทาให้เสียงต่อการติดไวรัสมากขึ้น
การประเมินสุขภาพตนเอง สาหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือไม่ สามารถ ประเมินสุขภาพตนเอง โดยการตอบแบบคัดกรองตนเอง เพื่อประเมินระดับ ความเสี่ ย งของการติ ด เชื้ อ โรคไวรั ส โคโรนา 2019 หรื อ ไม่ โดยการตอบ ใช่ หรือ ไม่ใช่ ในคาถามต่อไปนี้ ในช่วง 14 วันก่อนหน้า ท่านมีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือไม่ ดังนี้ 1. ท่านเดินทางหรืออยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดต่อเนื่องของ โควิด-19 ใน 14 วันที่ผ่านมา (พื้นที่ที่มีรายงานการระบาดต่อเนื่องของโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง มาเก๊า เกาหลี ใต้ อิตาลี อิหร่าน ฝรั่งเศส สเปน สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ญี่ ปุ่ น เดนมาร์ ก เนเธอร์ แ ลนด์ สวี เ ดน อั ง กฤษ เยอรมนี ออสเตรี ย เบลเยี ย ม มาเลเซี ย แคนาดา โปรตุ เ กส บราซิ ล เช็ ก เกี ย อิ ส ราเอล ออสเตรเลีย เกาะ ไอร์แลนด์ ปากีสถาน ตุรกี ชิลี ลักเซมเบิร์ก เอกวาดอร์ กรีซ ฟินแลนด์ ฯลฯ และจังหวัดต่าง ๆ ที่รัฐบาลประกาศ) (ใช่/ไม่ใช่)
การประเมินสุขภาพตนเอง
(ต่อ)
2. ท่านเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สัมผัสใกล้ชิดหมายถึง ได้สนทนากันในระยะน้อยกว่า 1 เมตร และนานมากกว่า 5 นาที หรือถูกไอ/จามใส่โดยไม่มีการป้องกันเช่นใส่หน้ากากอนามัย (ใช่/ไม่ใช่) 3. มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วยเข้าข่ายหรือยืนยันโรค (ใช่/ไม่ใช่) 4. มีผู้ที่อยู่อาศัยร่วมบ้านเดินทางกลับมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด ของโรค(พื้นที่ระบาดระบุไว้ด้านบน) (ใช่/ไม่ใช่) 5. เป็ น บุ ค ลากรทางการแพทย์ ห รื อ สาธารณสุ ข ที่ สั ม ผั ส กั บ ผู้ ป่ ว ย เข้าเกณฑ์สอบสวน (ใช่/ไม่ใช่) 6. มีไข้สูง 37.5 องศา ขึ้นไป หรือรู้สึกว่ามีไข้ หรือไม่ (ใช่/ไม่ใช่)
การประเมินสุขภาพตนเอง
(ต่อ)
7. ท่านมีอาการดังต่อไปนี้หรือไม่ (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ) ✤ ไอ ✤ มีน้ามูก ✤ เจ็บคอ ✤ หายใจลาบาก หอบเหนื่อย (ใช่/ไม่ใช่) 8. ในสถานที่ท่านที่ไปประจา คนที่สนิทใกล้ชิดกับท่าน มีอาการ ไข้ ไอ น้ามูก เสมหะมากกว่า 5 คน พร้อม ๆ กัน ในช่วงเวลาภายใน 1 สัปดาห์หรือไม่ (ใช่/ไม่ใช่)
หากมี ค าตอบว่ า “ใช่ ” ก็ ห มายถึ ง ว่ า มี ค วามเสี่ ย งที่ ต้ อ งปรึ ก ษากั บ ผู้รับผิดชอบด้านสุขภาพในสถานประกอบกิจการต่อไป
ผู้จัดทา นายอัษฎาวุธ ไชยอุดม สาขาวิชาภาษาไทย นายพงศธร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม สาขาจิตวิทยา นายปฏิภาณ ทองสลับ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ นายพงศธร ยั่งยืน สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ นายคุณากร ภูวนารภ สาขาภาษาอังกฤษ
รหัสนิสิต 59010514029 รหัสนิสิต 60010516095 รหัสนิสิต 60010912569 รหัสนิสิต 60010914612 รหัสนิสิต 62010513029
อาจารย์ที่ปรึกษา รองศาสตราจารย์ ดร.ธรินธร นามวรรณ รายวิชา 0036 006 ภาวะผู้นา สานักศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
บรรณานุกรม กรมควบคุมโรค. (2563). โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). สืบค้นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2563. จาก https://ddc.moph.go.th/ เกรียงไกร นาคะเกศ. (2563). เรื่องน่าร็เกี่ยวกับโควิด-19 (COVID-19). สืบค้นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2563. จาก http://lib3.dss.go.th/fulltext/dss_knowledge/clpd-3-63Covid%2019.pdf ศูนย์ข้อมูลการวิจัย Digital. (ม.ป.ป.). สรุปทุกเรื่อง “ไวรัสโคโรนา” หรือ “โควิด-19” คืออะไร อาการเป็นอย่างไร). สืบค้นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2563. จาก https://dric.nrct.go.th/News/DetailKnowledge/650 สมาคมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทางาน. (2563). คู่มือการจัดการ COVID–19 สาหรับสถานประกอบกิจการ. สืบค้นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2563. จาก https://www.fti.or.th/wp-content/uploads/2020/04/-COVID-19.pdf อมร ลีลารัศม. (ม.ป.ป.). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกบั COVID-19 จากโรคติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2. สืบค้นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2563. จาก https://tmc.or.th/pdf/Covid-19-MDAmornUpdate.pdf