Data Loading...
ใบความรู้ที่ ๑ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาเขมร Flipbook PDF
ใบความรู้ที่ ๑ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาเขมร
117 Views
22 Downloads
FLIP PDF 698.53KB
ใบความรู้ที่ ๑ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาเขมร เขมรเป็นชาติที่มีความสัมพันธ์มานานทั้งทางการค้า การสงคราม การเมืองและ วัฒนธรรม เขมรมีอิทธิพลเหนื อดินแดนสุวรรณภูมิก่อนกรุงสุโขทัยหลายร้อยปี จากการ มีอาณาเขตติดต่อกันทำให้ภาษาเขมรเข้ามาปะปนกับภาษาไทยตั้งแต่สมัยโบราณ ภาษา ถิ่นเขมรก็คล้ายคลึงกับภาษาพูดของชาวอีสานใต้ของไทย ตลอดจนชาวภาคตะวันออก ตามชายแดนไทย – กัมพูชาด้วย จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของทั้งสองประเทศต่างมี วัฒนธรรมประเพณีที่เหมือนกันมาก แม้กระทั้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนรวมทั้ง ภาษาต่างก็ยืมมาจากภาษาบาลีสันสกฤตเป็นส่วนใหญ่ คำยืมภาษาเขมรในภาษาไทยส่วนใหญ่เป็นคำยืมจากภาษาเขมรโบราณเนื่ องจาก อักขรวิธีของคำยืมภาษาเขมรในภาษาไทยส่วนมากสอดคล้องกับอักขรวิธีเขมรโบราณ มากกว่าอักขรวิธีเขมรในปัจจุบันจารึกสมัยสุโขทัยและอยุธยาปรากฏคำยืมภาษาเขมรโดย เฉพาะศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงจารึกด้วยอักษรขอมสุโขทัยและอักษรเขมรโบราณดังที่ ประเสริฐ ณ นคร (2547-123) แปลเป็นภาษาไทยว่า วันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน 9 เมื่อเสด็จมีพระบัณฑูรให้ไพร่พลทั้งหลาย...เข้าระดมฟัน ประตูประหารสัตว์ ทั้งหลาย...บัดนั้ นจึงเสด็จพระราชดำเนิ นเข้าเสวยราชย์
คำยืมภาษาเขมรจำนวนมากในภาษาไทยและเป็นหน่ วยคำพื้นฐานจนยากจะแยก ว่าคำใดเป็นภาษาไทยหรือภาษาเขมร ปัจจุบันพบคำซ้อนในภาษาไทยที่เป็นคำไทยซ้อน กับคำเขมรหลายคำ เช่น ใกล้ชิด ซื่อตรง สอบสวน นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานที่แสดงความ สัมพันธ์ระหว่างภาษาไทยกับภาษาเขมรโบราณเห็นได้จากอักขรวิธีรูปเขียนสระเอียภาษา เขมรโบราณใช้รูปเชิงพยัญชนะ (ย) และอักขรวิธีไทยสมัยสุโขทัยและอยุธยาตอนต้นมีรูป เขียนสระเอียด้วยพยัญชนะ (ย) เช่นกันเช่นรอม (เรียบ) รอบ (เรียน) (กานติภักดคํา, 2553: คำน่ า) ในสมัยอยุธยาตอนกลางจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นราชสำนั กกัมพูชาได้ย้าย ราชธานี ไปทางตอนใต้ของทะเลสาบเขมรและในเวลาเดียวกันนี้ ภาษาไทยและวัฒนธรรม ของอยุธยาและรัตนโกสินทร์ได้ย้อนกลับเข้าไปในกัมพูชาทำให้คำศัพท์ภาษาไทยจำนวน หนึ่ งกลายเป็นคำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของกัมพูชา เช่น จำนวนนั บตั้งแต่ 30-90 ดังนั้ น การตัดสินว่าคำใดเป็นคำเขมรในภาษาไทยจึงเป็นเรื่องยาก (ศานติภักดี, 2553: คำนำ) ภาษาเขมรนอกจากใช้พูดกันในประเทศกัมพูชา (Caribiodia) แล้วยังใช้พูดกันในบางจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนื อและภาคตะวันออก เช่น สุรินทร์ ศรีษะเกษบุรีรัมย์ ในสมัยโบราณคนไทยรับเอาอักษรขอมเพื่อใช้เขียนพระธรรมคัมภีร์และวรรณคดี พุทธศาสนา กำชัย ทองหล่อ (2554: 324) กล่าวว่าคนไทยยอมรับว่าอักษรขอมเป็นอักษร ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานานและจะมีอยู่เรื่อยไปหากสังคมไทยังเชื่อเรื่องไสยศาสตร์สมัย ก่อนพระภิกษุในประเทศไทยต้องเรียนอ่านเขียนอักษรขอมเพื่อศึกษาคัมภีร์พุทธศาสนา การใช้ตัวอักษรไทยสำหรับการพิมพ์คัมภีร์พระพุทธศาสนาเพิ่งเกิดขึ้นในสมัยพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและยกเลิกการใช้อักษรขอมและการเขียนอักษรขอม แต่ โบราณนั้ นจะเริ่มต้นด้วยคําว่า“ นโม พุทธาย สิทธิ” เป็นธรรมเนี ยมปฏิบัติเพื่อไหว้ครู
ใบความรู้ที่ ๑ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาเขมร (ต่อ)
ตารางแสดงพยัญชนะวรรคอักษรขอมไทย
อักษรขอม แบ่งออกเป็น 2 ชนิ ดชนิ ดแรกเป็นตัวอักษรที่อยู่ด้านบน เรียกว่า พยัญชนะ เป็น ทั้งพยัญชนะต้นและพยัญชนะสะกด ชนิ ดที่สองเป็นตัวอักษรที่อยู่ด้านล่าง เรียกว่า พยัญชนะ สังโยค หรือพยัญชนะตัวตาม สำหรับตัวอักษรไทยที่ยังคงร่องรอยว่าพัฒนา มาจากอักษรขอม โบราณคือตัว“ ปฐ” มีเชิงได้พยัญชนะจิตรภูมิศักดิ์ (2548: 288 289) กล่าวว่า สายสือไทยของ พ่อขุนรามคำแหงพบตัวญที่ไม่มีเชิงตัว ญ ที่มีเชิงพบในศิลาจารึกของพระยาฤๅไทยทุกหลักและ สันนิ ษฐานว่าตัวมีเชิงคงมีมาแล้วตั้งแต่สมัยพระยาเลอไทเมื่อไทยตัวอักษรขอมมาใช้ได้ดัดแปลง การออกเสียงสระและพยัญชนะของเขมรให้เหมือนกับเสียงสระและพยัญชนะของไทยในความเป็น จริงสระและพยัญชนะของภาษาเขมรไม่ได้ออกเสียงเหมือนสระและพยัญชนะของภาษาไทยเช่น ตำนานมาจากกาลก่อนนานเรามาจากเรา, ชมเรา/จ็วมเร็ว, จุมเร็ว
ลักษณะและตัวอักษรภาษาเขมร กาญจนา นาคสกุล (2518: 593) กล่าวว่า ภาษาเขมรเป็นภาษาที่มีลักษณะเป็น คําภาษา โดด แต่มีวิธีการประกอบคำแบบภาษาคำติดต่อ (Agglutination Language) นั กภาษาศาสตร์จัด ให้อยู่ในตระกูลมอญ-เขมร (Mon-Khmer Language) เป็นภาษาที่สร้างคำจากพยางค์เดียวให้เป็น สองพยางค์ โดยเติมหน้ าและเติมกลางคำภาษาเขมรมีลักษณะหลายประการคล้ายกับภาษาไทย เช่น การลำดับ ประโยคแบบ“ ประธาน+กริยา+กรรม การใช้ลักษณนาม การใช้ราชาศัพท์ ส่วนที่แตกต่างคือภาษา เขมรไม่มีวรรณยุกต์ เมื่อไทยยืมคำภาษาเขมรมาใช้ทั้งในลักษณะคำพยางค์เดียว คำสองพยางค์ หรือนำคำพยางค์เดียวมาสร้างคำใหม่ด้วยการเต็มหน้ า (prefix) และเติมกลางคำ (infig) ธวัชปุ ณ โณทก (2553 170) กล่าวว่า การสร้างคำแบบไวยากรณ์ภาษาเขมรมี 4 แบบคือ การเพิ่มอุปสรรค การลงอาคม การอัพภา ส (ซ้ำคำ) และการสร้างคำแบบประสม แต่การเติม อุปสรรคและการส่งอาคมมีอิทธิพลต่อไวยากรณ์ไทย ภาษาเขมรมีตัวอักษรอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ อักษรมูล (อักษรกลม) กับอักษรเปรียงอักษร เอนอักษรมูลใช้สำหรับเขียนหนั งสือธรรมะพระคัมภีร์พระไตรปิฎกจัดเป็นตัวอักษรสูงขณะที่ อักษรเจรียงไข้เขียนหรือติดต่อสื่อสารทั่วไปจัดเป็นตัวอักษรธรรมดา
ใบความรู้ที่ ๑ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาเขมร (ต่อ) พยัญชนะในภาษาเขมร ฉ่ำ ทองคำวรรณ กล่าวว่า ภาษาเขมรมีพยัญชนะและสระ ดังนี้ พยัญชนะในภาษาเขมรมี ๓๓ ตัว ออกเสียงตามสำเนี ยงของชาวพนมเปญ หากเป็นชาว พระตะบองออกเสียงว่า "กอ คอ กัว คัว งัว" ดังนี้
พยัญชนะในภาษาเขมร แบ่งออกเป็น ๒ พวก คือ อโฆษะกับโฆษะ พยัญชนะอุโฆษะ อยู่แถวที่ ๑ และ ๒ ในตารางกับตัว ณ สหหอที่เหลือเป็นพยัญชนะโฆษะการแบ่งพยัญชนะ ออกเป็น ๒ ประเภทนี้ กาญจนา นาคสกุล กล่าวว่าเป็นการแบ่งแบบสมมติเพราะพยัญชนะ ในภาษาเขมรไม่เกี่ยวกับเสียงก้องหรือไม่ต้อง แต่เขมรจะใช้สระกำกับ ๒ตัวคือ“ ออ” กับ“ โอ” เพื่อแยกเสียงโฆษะกับอโฆษะจากกันและเสียงพยัญชนะในภาษาเขมรไม่ได้มี จำนวน ๓๓ เสียงตามรูปเขียนเพราะมีพยัญชนะหลายตัวมีเสียงกับตัวอื่น เช่น ก กับ ค (กอโก) จ กับ ช (จอโจ) ฉะนั้ นเสียงพยัญชนะจะแตกต่างกันหรือไม่ขึ้นอยู่กับสระที่ตามมา
ใบความรู้ที่ ๑ เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาเขมร (ต่อ) สระในภาษาเขมร สระในภาษาเขมรมี ๒ ชนิ ด ได้แก่ สระลอยกับสระจม สระลอย (สระเต็มตัว) คือ สระเต็มตัวประสมกับพยัญชนะ เป็นสระสำเร็จรูปใช้เขียนได้ ทันที มี ๑๘ ตัว ส่วนสระจม (สระนิ สสัย) คือ สระที่ต้องประสมกับพย้ญชนะมี ๒๑ ตัว ดังนี้
สระลอยภาษาเขมร
สระจมภาษาเขมร
ภาษาเขมรมี ๒ ระบบ คือ พยัญชนะและสระ พยัญชนะในภาษาเขมรมีใช้ ๒ แบบ คือ อักษร มูล มีลักษณะกลม ใช้บันทึกเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา ส่วนอักษรเชรียง มีลักษณะเอียง ตัว ผอม ใช้บันทึกเรื่องราวทั่วไป สระในภาษาเขมรมี ๒ แบบ คือสระลอยกับสระจม สระลอยคือสระ ที่ใช้ได้ทันทีส่วนสระจสคือสระที่ยังใช้ไม่ได้ ต้องประกอบพยัญชนะ หากเปรียบเทียบสระของ ภาษาไทยจะตรงกับสระจมในภาษาเขมร