Data Loading...

โครงสร้างดอก Flipbook PDF

โครงสร้างดอก


691 Views
307 Downloads
FLIP PDF 798.56KB

DOWNLOAD FLIP

REPORT DMCA

ใบความรู้ที่ 1

วิชา ชีววิทยา ( ว30242) ใบความรู้ เรือ่ ง โครงสร้างดอก เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่



ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

1. โครงสร้างดอก ดอกคือกิ่งที่เปลี่ยนแปลงมาเพื่อทาหน้าที่สืบพันธุ์บางส่วนของดอกอาจทาหน้าที่ในการสืบพันธุ์โดยตรง หรือบางส่วนอาจทาหน้าที่ล่อแมลง หรือป้องกันอันตรายที่จะเกิด แก่ดอกก็ได้

ภาพ : Shutterstock

ดอกของพืชแต่ละชนิดแตกต่างกันในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นสี รูปร่าง ขนาด และโครงสร้างของดอก บ้างก็ มีกลีบหลายชั้น บางชนิดดอกแยกเกสรตัวผู้กับตัวเมียอย่างชัดเจนแต่ยังอยู่ในดอกเดียวกัน แต่บางชนิดอาจแยกกัน อยู่คนละดอกคนละต้น หรือแม้แต่บานไม่พร้อมกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด โครงสร้างดอกของพืชนั้นก็ถูก ออกแบบมาให้เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ของพืช ดอกไม้มีส่วนประกอบต่างๆดังนี้ ส่วนแรกเป็นส่วนที่เป็นก้านชู (Peduncle) ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ติดต่อ ระหว่างกิ่งหรือลาต้นกับดอก ปลายสุดของก้านชูดอกเป็นฐานรองดอก (Receptacle) ซึ่งมักมีลักษณะแผ่แบนออก เพื่อรองรับส่วนต่างๆ ของดอก

ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชมีการทางานคล้ายกับสัตว์ กล่าวคือ ต้องมีการรวมตัวกันของเซลล์ สืบพันธุ์เพศเมียและเพศผู้ซึ่งเกิดขึ้นในดอก ดอกนั้นจึงจะพร้อมและเริ่มกระบวนการต่อไปเพื่อขยายพันธุ์ และแม้ว่า ดอกไม้แต่ละสายพันธุ์จะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกัน แต่โครงสร้างหลัก ๆ ของดอกมีอยู่ 4 ส่วนได้แก่

ที่มา - http://watchawan.blogspot.com/2010/05/blog-post_8461.html

ส่วนประกอบของดอก 1. กลีบเลี้ยง (Sepal) เป็นกลีบรองดอก มักมีสีเขียว โดยมีลักษณะเป็นวงเรียกว่า Calyx 2. กลีบดอก (Petal) โคนกลีบดอกมักมีต่อมผลิตน้าหวาน หรือน้าต้อย เรียกวงของกลีบดอกว่า Corolla กลีบดอกมักมีสารสีทาให้มีสีสัน คือ - Anthocyanin สีน้าเงิน ม่วง ละลายใน Sap Vacuole - Anthoxanthin มีสีขาว ละลายใน Sap Vacuole - Carotenoid มีสีเหลือง แสด ส้ม แดง ละลายในChromoplast 3. เกสรตัวผู้ (Stamen) มีก้านชูเกสรตัวผู้ (Filament) ที่ยอดมีถุงเรณู 4 ถุง บรรจุละอองเรณู (Pollen grain) ซึ่งเป็น Male Gametophyte ดอกที่มีวิวัฒนาการสูงมักมีจานวนเกสรตัวผู้น้อย ดอกไม้โบราณมักมีจานวน มาก 4. เกสรตัวเมีย (Carpel) มีก้านชูเกสรตัวเมีย (Style) และยอดเกสรตัวเมีย (Stigma) มีน้าเหนียวๆ เกสร ตัวเมียแบ่งเป็น Ovary ภายในมี Ovule 1 อันหรือมากกว่า ภายใน Ovule จะมีถุงเอมบริโอ ซึ่งเป็น Female Gametophyte

ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

ส่วนสาคัญของดอก

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

จะเรียงตัวเป็นวงอยู่บนฐานรองดอกดังนี้ คือ

1. กลีบเลี้ยง (Sepal) กลีบเลี้ยงเป็นส่วนที่อยู่นอกสุด มักมีลักษณะเป็นกลีบสีเขียวหรืออาจเชื่อมกันเป็นหลอด เมื่อดอกตูมจะ ห่อหุ้มดอกไว้ กลีบเลี้ยงจะเรียงตัวเป็นวงทั้งวงเรียก Calyx 2. กลีบดอก (Petal) กลีบดอกเป็นส่วนที่อยู่ถัดเข้าไป อาจเป็นกลีบหรือเชื่อมกันเป็นหลอด มีสีสันสวยงาม มีกลิ่นหอม หรือที่ โคนกลีบดอกอาจมีต่อมน้าหวาน (Nectary gland)กลีบดอกจะเรียงตัว เป็นวง ทั้งวงเรียกว่า Corolla 3. เกสรเพศผู้ (Stamen) เกสรเพศผู้เป็นชั้นที่ 3 ถัดจากนอกสุดเข้าไป เรียงตัวอยู่เป็นวง เรียกว่า Androecium ทาหน้าที่สร้าง เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เกสรเพศผู้มีส่วนประกอบหลายส่วน คือ ส่วนที่เป็นก้านชูยาวเรียกว่า Filament ปลายสุดเป็น ถุงบรรจุเกสรเพศผู้ ซึ่งมี 2 พู เรียกว่า Anther ภายในอับเกสรเพศผู้แต่ละพูจะเป็นช่องเรียกว่า Pollen sac ซึ่ง ภายในจะมีละอองเกสรเพศผู้ (Pollen grain) อยู่เป็นจานวนมาก เกสรเพศผู้นี้ในดอกไม้บางชนิดอาจมีลักษณะ เปลี่ยนแปลงไปคล้ายกลีบดอก เช่น ดอกพุทธรักษา 4. เกสรเพศเมีย (Pistil) เกสรเพศเมียเป็นส่วนที่อยู่ในสุดของดอก อาจเรียงตัวเป็นวงเรียกว่า Gynoecium มีส่วนประกอบคือ ส่วนที่อยู่ติดกับฐานรองดอกมีลักษณะเป็นถุงข้างในเป็นโพรง คือ รังไข่ ต่อจากรังไข่ขึ้นไปจะมีลักษณะเป็นหลอด ยาวคือก้านชูเกสรเพศเมีย (Style) ส่วนปลายสุด อาจพองเป็นตุ่มหรือแบน ส่วนนี้คือยอดเกสรเพศเมีย (Stigma) 5. ฐานรองดอก (Receptacle) ฐานรองดอกเป็นส่วนปลายสุดของก้านดอกที่ขยายขนาดออก ซึ่งทาหน้าที่รองรับหรือเป็นที่ติดของกลีบ เลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย 6. ก้านดอก (Peduncle) ก้านดอกเป็นส่วนที่อยู่ต่อลงมาฐานรองดอก ทาหน้าที่ชูดอก และให้ดอกติดกับกิ่งหรือลาต้น

ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

ชนิดของดอก 1.จาแนกชนิดของดอกโดยพิจารณาจากจานวนดอกบนหนึ่งก้าน สามารถแบ่งออกได้เป็น ดอกเดี่ยว ดอกช่อ และดอกรวม 1. ดอกเดี่ยว (Solitary Flower) คือ ดอกไม้ที่มีดอกอยู่เพียงดอกเดียวบนก้านชูดอกเพียงก้านเดียว เช่น ดอกมะเขือ ดอกชบา ดอกกุหลาบ ฯลฯ

2. ดอกช่อ (Inflorescence Flower) คือ ดอกหลาย ๆ ดอกที่อยู่บนก้านดอกเดียวกัน เช่น ดอกผกากรอง ดอกหางนกยูง ดอกเข็ม ฯลฯ ดอกช่อเป็น กลุ่มของดอกที่อยู่บนก้านช่อดอก (Peduncle) เดียวกัน เรียกว่า ช่อดอก (Inflorescence) แต่ละดอกในช่อดอกนี้เรียกว่า ดอกย่อย (Floret) ซึ่งอาจมีก้านดอกของตัวเองเรียกว่า เพดิเซล (Pedicel) ช่อดอกของพืชแต่ละชนิดรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน นักพฤกษศาสตร์ได้จาแนก ช่อดอกออกเป็น 2 พวก ใหญ่ ๆ คือ 2.1) ช่อดอกที่มีดอกเกิดตามแกนกลาง ช่อดอกนี้เจริญออกไปได้เรื่อย ๆ ทาให้ช่อดอกยาวขึ้น ดอกที่เกิดก่อนอยู่ด้านล่าง จะบานก่อน 2.2) ช่อดอกที่ดอกย่อยแตกออกจากแกนกลางหรือไม่แตกออกจากแกนกลางก็ได้ ลักษณะที่ สาคัญคือ ดอกย่อยที่อยู่บนสุดจะ แก่หรือบานก่อนดอกย่อยอื่น ๆ ที่อยู่ถัดออกมาด้านข้าง

 ดอกช่อ (Inflorescense) คือ ดอกไม้ที่ประกอบด้วยดอกหลายดอกอยู่บนก้านชูดอก (Peduncle) เดียวกัน (ดอกย่อย เรียกว่า Floret , ก้านดอกย่อย เรียกว่า Pedicel แกนกลางต่อจากก้านดอก ซึ่ง ดอกย่อยแยกออกมา เรียกว่า Rachis) ชนิดของดอกช่อ  ราซีม หรือช่อกระจะ (Raceme) เป็นช่อดอกที่มีดอกย่อยแตกออกมาจากแกนกลางไม่อยู่ใน ระดับเดียวกัน เช่น ดอกหางนกยูง ดอกกล้วยไม้ ดอกขี้เหล็ก ดอกคูณ ฯลฯ  สไปด์ หรือ ช่อเชิงลด (Spike) เป็นช่อดอกที่คล้ายราซีม แต่ดอกย่อยไม่มีก้านดอก เช่น ดอกมะพร้าว ดอกสับปะรด ดอกกระถินณรงค์ ฯลฯ

ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

 แพนิเคิล หรือ ช่อกระจะแยกแขนง (Panicle) เป็นช่อดอกที่มีช่อดอกย่อยแตกออกมาจาก ช่อดอกใหญ่อีกที่หนึ่ง เช่น หญ้างวงช้าง (หรือเรียกว่า ซิมโพเดียม Sympodium)  อัมเบล หรือช่อซี่ร่ม (Umbel) เป็นดอกช่อที่มีแกนกลางสั้นดอกย่อยเกือบอยู่ในระดับ เดียวกันคล้ายร่ม เช่น ดอกหอม ดอกกุยช่าย ดอกผกากรอง ฯลฯ  เฮด (Head) หรือ คาปิทูลัม หรือช่อกระจุกแน่น (Capitulum) เป็นดอกช่อที่มีแกนกลาง ใหญ่แผ่ออก ตรงกลางนูน มีดอกย่อยติดอยู่จานวนมาก เช่น ดอกทานตะวัน ดอกบานชื่น ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย  ไซม์ (Cyme) หรือ ช่อกระจุก เป็นช่อดอกที่มีดอกย่อย 3 ดอก แตกออกมาจากจุดเดียวกัน เช่น ดอกมะลิ ดอกผักบุ้งฝรั่ง ฯลฯ

ภาพแสดงลักษณะของช่อดอกชนิดต่างๆ 3. ดอกรวม (Composite Flower) เป็นดอกช่อชนิดหนึ่ง (แบบเฮด) ซึ่งจะประกอบด้วยดอกย่อยเล็กๆ จานวนมากรวมอยู่บนฐานรอง ดอก มีก้านชูดอกอันเดียวกันมองดูคล้ายดอกเดี่ยว เช่น ดอกบานชื่น ดอกทานตะวัน ดอกดาวเรือง ฯลฯ

ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

Composite Flower 2.จาแนกชนิดของดอกโดยพิจารณาเฉพาะเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย สามารถแบ่งออกได้เป็นดอกสมบูรณ์เพศ และดอกไม่สมบูรณ์เพศ 1. ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect Flower) เป็นดอกที่มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน เช่น ดอกพู่ระหง ดอกชบา

2. ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (Imperfect Flower) เป็นดอกที่มีเกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียเพียงอย่างเดียว หรืออยู่ต่างดอกกัน ดอกที่ไม่สม บูรณ์ เพศที่มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่ในต้นเดียวกัน (Monoecious Plant) ได้แก่ ดอกฟักทอง ดอกละหุ่ง

ที่มา:Department of Botany, Faculty of Science, Chulalongkorn University

ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

3.จาแนกชนิดของดอกโดยพิจารณาจากตาแหน่งของรังไข่ 1. รังไข่ที่อยู่เหนือฐานรองดอก (Superior Ovary) เป็นรังไข่ที่อยู่เหนือจุดติดของเกสรตัวผู้ 2. รังไข่ที่มีฐานรองดอกหุ้มเอาไว้หมด (Inferior Ovary) เป็นรังไข่ที่อยู่ต่ากว่าจุดติดของเกสรตัวผู้ หรือ รังไข่อยู่ต่ากว่าส่วน อื่นของ ดอก 3. รังไข่ที่มีจุดติดของรังไข่และเกสรตัวผู้ บนฐานรองดอกก้ากึ่งกัน (Semi-Inferior Ovary) มีส่วนของ กลีบเลี้ยง กลีบดอก และเกสร ตัวผู้ติดกับฐานรองดอกบริเวณข้าง ๆ โดยรอบรังไข่ และฐานรองดอกเว้าลงไปและ มีขอบโค้งขึ้นเป็นรูปถ้วยอยู่รอบ ๆ รังไข่

3.จาแนกชนิดของดอกโดยพิจารณาจากส่วนประกอบของดอก 3.1 ดอกสมบูรณ์ (Complete flower) คือ ดอกที่มีส่วนประกอบของดอกครบทั้ง 4 วง คือ มีกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศ เมียครบทุกส่วนในดอกเดียวกัน ได้แก่ ดอกชบา พู่ระหง กุหลาบ แค โสน มะเขือ และกระทกรก เป็นต้น 3.2 ดอกไม่สมบูรณ์ (Incomplete flower) คือดอกที่มีส่วนประกอบของดอกไม่ครบทั้ง 4 วง อาจขาดส่วน ใดส่วนหนึ่ง เช่น ดอกบานเย็น ดอกผักโขม ดอกพวงชมพู (ขาดกลีบดอก) ดอกหน้าวัว ดอกหญ้า ดอกข้าว ดอกอุตพิด (ขาด กลีบเลี้ยงและกลีบดอก) ดอกบางชนิดมีเฉพาะเกสรเพศผู้ หรือเกสรเพศเมียเพียงอย่างเดียว เช่น ดอก ตาลึง ฟักทอง แตง ข้าวโพด สนทะเล ลาเจียก มะไฟ และบวบ เป็นต้น 3.3 ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect flower or Bisexual flower) คือดอกที่มีทั้ง 2 เพศ คือทั้งเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียในดอกเดียวกัน แม้ว่าชั้นอื่นๆ ของดอก จะมีครบหรือไม่ก็ตาม เช่น ชบา ถั่วพู่ระหง และกุหลาบ เป็นต้น 3.4 ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (Imperfect flower or Unisexual flower) คือดอกที่มีเฉพาะเกสรเพศผู้หรือเกสรเพศเมียเพียงอย่างเดียวในแต่ละดอก ถ้ามีเกสรเพศผู้เรียก ดอกเพศผู้ (Staminate flower) ถ้ามีเฉพาะเกสรเพศเมียเรียกว่า ดอกเพศเมีย (Pistillate flower) ได้แก่ ฟักทอง แตง บวบ ตาลึง และมะเขือ เป็นต้น

ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

ประเภทของดอก (ตามลักษณะการติดกับฐานรองดอก) 1.Hypogenous flower หมายถึง ดอกที่มีกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ อยู่ต่ากว่ารังไข่ (รังไข่ ลักษณะนี้จึงอยู่สูงกว่าส่วนต่าง ๆ ของดอก เรียกว่า Superior ovary) เช่น ดอกถั่ว ดอกพริก ดอกมะเขือ ดอกจาปี ดอกบัว ดอกมะเขือเทศ ฯลฯ

2. Epigenous flower หมายถึง ดอกที่มีกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ อยู่สูงกว่ารังไข่ (รังไข่ลักษณะนี้จึงอยู่ต่ากว่าส่วนต่าง ๆ ของ ดอก เรียกว่า Inferior ovary) เช่น ดอกกล้วย ดอกฝรั่ง ดอกชมพู่ ดอกฟักทอง ดอกแตงกวา ฯลฯ

3. Perigenous flower หมายถึง ดอกที่มีกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ อยู่ในระดับเดียวกันกับรังไข่ (รังไข่ลักษณะนี้ จึงมีตาแหน่ง เดียวกันกับส่วนต่างๆ ของดอก เรียกว่า Half – inferior ovary หรือ Sub – inferior ovary ) เช่น ดอกกุหลาบ ดอกเชอรี่ ฯลฯ

ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

สาระน่ารู้ Monoecious plant หมายถึง พืชต้นเดียวมี 2 เพศ เช่น ข้าวโพด มะพร้าว ตาลึง ฟักทอง ชบา กุหลาบ มะเขือ

Dioecious plant หมายถึง พืชที่มีเพศใดเพศหนึ่งบนต้นเดียว เช่น อินทผาลัม มะเดื่อ ตาล

ใบความรู้ที่ 1 เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

ภาพการเชื่อมติดกันของเกสรเพศผู้ ก. ดอกชบา แสดง monadelphous stamens (1) และเกสรเพศเมีย (2) ข. Diadelphous stamens ค. Polyadelphous stamens ง. ดอกย่อยของพืชวงศ์ทานตะวัน แสดง syngenesious stamens (3)

ใบความรู้ที่ 1

เรื่อง โครงสร้างดอก ระดับชั้น ม.5 โรงเรียนเทพศิรินทร์

เอกสารประกอบการสอน วิชา ชีววิทยา(ว30242)

ภาพเกสรเพศเมีย ก . Simple pistil ข. Apocarpous pistil ของบัวหลวง ค. Apocarpous pistil ของจาปี ง. Apocarpous pistil ของกุหลาบ จ. Syncarpous pistil ฉ. Synovarious pistil ช. Synstylovarious pistil

A. ดอกรวมของทานตะวัน B. ดอกย่อยรัศมีเดี่ยวรอบนอก มีกลีบดอกยาว C. ดอกย่อยตรงกลาง กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดขนาดเล็ก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ที่มา

http://119.46.166.126/self_all/selfaccess11/m5/biology5_2/lesson3.php