Data Loading...

การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ Executive Functions (EF) ของเด็ก Flipbook PDF

การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ Executive Functions (EF) ของเด็ก


106 Views
17 Downloads
FLIP PDF 489.05KB

DOWNLOAD FLIP

REPORT DMCA

โครงการขับเคลื่อนการจัดทาเอกสารวิชาการ ของสานักงานเลขาธิการวุฒิสภา

การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

ศุทรา สิรภัทรนันทกร เอกสารวิชาการนี้เป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบส่วนบุคคลของผู้เขียน สานักงานเลขาธิการวุฒิสภาไม่จาเป็นต้องเห็นพ้องด้วย.

การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ Executive Functions (EF)ของเด็กปฐมวัย ตามแผนแม่ บ ทภายใต้ ยุ ท ธศาสตร์ ช าติ ประเด็ น การพั ฒ นาศั ก ยภาพคนตลอดช่ ว งชี วิ ต ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์และการพัฒนาคน เชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์ ปฐมวัย วัยเรียน วัยรุ่น วัยแรงงาน และวัยผู้สูงอายุ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์และสร้ างทรัพยากรมนุษย์ ที่มีศักยภาพ มีทักษะความรู้ เป็นคนดี มีวินัย เรียนรู้ได้ด้วยตนเองในทุกช่วงวัย มีความรอบรู้ทางการเงิน มีความสามารถในการวางแผนชีวิ ต และการวางแผนทางการเงิ นที่ เหมาะสมในแต่ ละช่ว งวั ย และ ความสามารถในการด ารงชี วิ ต อย่ า งมี คุ ณ ค่ า ซึ่ ง ตามแผนย่ อ ย การสร้ า งสภาพแวดล้ อ มที่ เ อื้ อ ต่ อ การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ มีแนวทางการพัฒนาสร้างความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย สร้ า งครอบครั ว ที่ เ หมาะสมกั บ โลกในศตวรรษที่ 21 โดยส่ ง เสริ ม ความรู้ ใ นการวางแผนชี วิ ต ที่เหมาะสมกั บค่ านิ ยมของคนรุ่ น ใหม่ และการจั ด กิจ กรรมที่เ หมาะสมบนฐานความรู้ ทางวิ ชาการ ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์และถึงช่วงอายุต่าง ๆ พัฒนาทักษะชีวิตและการเรียนรู้ การทางานและการดารงชีวิต อย่ า งมี คุ ณ ภาพของประชากรแต่ ล ะช่ ว งวั ย รวมถึ ง การให้ ทุ ก ภาคส่ ว นในสั ง คมเข้ า มามี ส่ ว นร่ ว ม พร้อมทั้งการพัฒ นาสภาพแวดล้อมที่ เอื้อต่อการสร้างครอบครัวอบอุ่นเข้มแข็ง โดยเน้นการส่งเสริม การเกื้อกูลกันของคนทุกวัยในครอบครัวในการดูแลสมาชิกในครอบครัว การส่งเสริมนโยบายการสร้าง ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทางาน การส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชน สถานประกอบการจัดบริการ ที่ส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสนับสนุนครอบครัวในการเลี้ยงดูบุตรและการดูแลผู้สูงอายุ ควบคู่กับการปฏิรูปสื่อให้มีบทบาทในเชิงสร้างสรรค์ในการให้ความรู้ต่อการพัฒนาและเสริมสร้างความ เข้มแข็งครอบครัว โดยที่จะต้องมีระบบการจัดการที่อยู่อาศัยสาหรับครอบครัวที่เอื้อต่อการดารงชีวิต ครอบครัว ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก และมีความปลอดภัย มีระบบสนับสนุนในการดูแลเด็กและครอบครัว ในชุมชนที่มีคุณภาพ มาตรฐาน รวมทั้งมีระบบสนับสนุนในการทางานที่เอื้อต่อครอบครัวที่ทุกภาคส่วน การพัฒนาสนับสนุนการจัดสวัสดิการและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในการทางานที่สมดุลระหว่างชีวิต การทางาน และชีวิตครอบครัว 1 เชื่อมโยงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาพัฒนาการ จัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ เพื่อตอบสนอง การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ในปัจจุบันซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี ที่ เชื่อมโยงผู้คนเข้าถึงกันทั่วโลก โดยการสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ตส่งผลให้ผู้คนสามารถสื่อสารโต้ตอบ โดยปราศจากข้อจากัดด้านเวลา พื้นที่ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลเป็นไปโดยสะดวกรวดเร็ว และมีข้อมูล มากมายมหาศาล แม้การสื่อสารทางเทคโนโลยีพัฒนารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว มีสมรรถนะสูงขึ้น ผู้คน เข้าถึงได้ง่าย ประชาชนทุกคนสามารถสร้างเนื้อหาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง หรือเรื่องราวทีต่ นเอง

1

แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต.http://nscr:nesdb.go.th สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563

สนใจ ร่ ว มกั บ กลุ่ ม ผู้ ส นใจในสิ่ ง เดี ย วกั น จนเกิ ด ข้ อ มู ล มากมายมหาศาล 2 ประกอบกั บ ความ เจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีได้พัฒนาอย่า งรวดเร็ว เทคโนโลยีขั้นพื้นฐานที่จาเป็น สาหรับการดาเนินชีวิต คือเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ กาลังมีบทบาทอย่างกว้างขวางในด้าน ต่าง ๆ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การบริการ สังคม สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงด้านการศึกษา และในขณะที่สังคมโลกกาลังก้าวเข้าสู่มิติใหม่ เทคโนโลยีสารสนเทศนับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่นาสมัยมี ผลต่อการดารงชีวิตของประชาชนเพราะเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ กุญแจสาคัญที่ไขไปสู่การพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพตามความต้องการของประเทศ และเนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศนามา ซึ่งความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต การทางาน การเรียน และเล่น ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อคุณสมบัติในการเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสอดแทรก และเสริมสร้างสมรรถนะในกิจกรรม และการดาเนินการต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้สัง คมไทยในปัจจุบันจึงกลายเป็นสังคมสารสนเทศ (Information society) ไม่ว่าบุคคลจะอยู่ในอาชีพใด วัยใดก็ตาม จาเป็นต้องได้รับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อ นาไปใช้ในการพัฒนาตนเอง พัฒนาอาชีพ รวมทั้งพัฒนาสังคมและประเทศชาติ3 ความสาคัญของสังคมสารสนเทศ (Information society) จึงมิได้อยู่ที่ตัวความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร อย่างที่มักนิยมเข้าใจกัน แต่ความสาคัญกลับอยู่ที่ความสามารถในการแยกแยะและคัดสรรบรรดาความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ที่มีอยู่อย่างมากมายและดาษดื่นว่าจริงหรือไม่ เชื่อถือได้หรือไม่ การที่จะมีความสามารถ ในทานองนี้ได้ เรามีความจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างสิ่งที่ภาษาวิชาการเรียกว่า ‘การคิดแบบวิพากษ์ ท้าทาย’ (critical thinking) ให้เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถรู้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและ ฉับพลัน และสามารถคิด ไปไกลกว่าสิ่งที่เราคุ้นเคย เคยชิน และยอมรับ สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่สังคม ยุคโลกาภิวัตน์กาลังขาดแคลน4 การเรียนรู้สมัยใหม่จาเป็นต้องมีทักษะการคิดที่รู้จักการใช้วิจารณญาณ ไตร่ ต รอง แยกแยะสิ่ ง ต่ า ง ๆ ได้ ด้ ว ยตนเอง รู้ จั ก ควบคุ ม ตนเอง มี ค วามยั บ ยั้ ง ชั่ ง ใจคิ ด ไตร่ ต รอง มี ค วามสามารถยื ด หยุ่ น ความคิ ด ใส่ ใ จ จดจ่ อ ควบคุ ม อารมณ์ การรู้ จุ ด อ่ อ นจุ ด แข็ ง ตนเอง มีความสามารถในการริเริ่มและลงมือปฏิบัติ มีเป้าหมายในชีวิต รู้จักการวางแผนที่ดี มีความพากเพียร มุ่งสู่เป้าหมาย มีความมุ่งมั่นอุตสาหะ ซึ่งทักษะดังกล่าวคือ Executive Functions (EF) ทักษะสมอง เพื่อชีวิตที่สาเร็จ5 Executive Functions (EF) หมายถึง ทักษะสมองเพื่อชีวิตที่สาเร็จ เป็นการทางานของสมอง ส่ว นหน้ าที่ช่วยให้คนเรามีความสามารถในการบริหารจัด การชีวิต กากับตนเองได้ คิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น เป็นศักยภาพของสมองมนุษย์ที่สามารถพัฒนาเป็นทักษะที่ทาให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์

2

สุวิดา ธรรมมณีวงศ์และจักรนาท นาคทอง, การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ในโลกออนไลน์. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-EJournal/article/view/28254/24284.สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563. 3 บทบาทความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ. https://sites.google.com/site/wanwimon571031234/1-7-bthbath-khwam-sakhay-khxng-thekhnoloyisarsnthes.สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563. 4 อ้างแล้วเชิงอรรถที่2 5 สุภาวดี หาญเมธี.(2560).EF ทักษะสมองเพื่อการจัดการชีวิตให้สาเร็จ (Executive Functions).กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์ (1987) จากัด.

ทั้งปวง6 รวมทั้งรู้ว่าสิ่งใดควรทาไม่ควรทา ควบคุมสัญชาตญาณและอารมณ์ความรู้สึกให้อยู่ในสภาวะที่ เหมาะสมได้ ไม่เที่ยวระรานใคร ๆ เวลาที่ไม่พอใจ ทาให้เรารู้จักปฏิบัติตามกติกาของสังคมหรือกฎหมาย ทาให้เราวางแผนและดาเนินการสิ่งที่ยาก ๆ ได้ ทาให้เรากากับชีวิตตนเอง และดาเนินชีวิตประจาวัน โดยปกติสุข พาตัวเองรอดจากปัญหาแล้วไปสร้างความสาเร็จให้ชีวิตหรือโลกได้ ซึ่งทักษะนี้เป็นทักษะที่มี ความสาคัญต่อความสาเร็จในการเรียน การทางาน และการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ 7 EF ไม่ใช่ สิ่งที่ติดตัวเรามาแต่กาเนิด แต่เป็นสิ่งที่สมองพัฒนาขึ้นได้ ซึ่งในวัยเด็กจะเป็นช่วงที่สมองพัฒนา EF มากสุด โดยเฉพาะช่วงอายุ 3 - 5 ปี และจะพัฒ นาไปเรื่อย ๆ จนเข้าสู่ช่วงผู้ใหญ่ตอนต้นจึงหยุด การเติบโต โดยสิ่งที่กระตุ้นให้สมองพัฒนา EF คือ ประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับในช่วงวัยเด็ก การมีปฏิสัมพันธ์กับ คนรอบข้าง (แน่นอนว่าคนที่สาคัญที่สุดคือพ่อแม่) การได้มีโอกาสเรียนรู้ เล่น หรือทดลองสิ่งต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็มีปัจจัยที่ส่งผลเสียต่อการพัฒนา EF เช่น การที่เด็กมีความเครียดหรือมีโรคสมาธิสั้น ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลต่อการทางานของ EF โดยตรง8 ทั้งนี้มีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับ การเรียนรู้โดยการคิดเชิงบริหารหรือ Executive Functions (EF) ทักษะสมองเพื่อชีวิตที่สาเร็จ ดังนี้ นางสาวณัชชา ธนสมบูรณ์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชญาพิมพ์ อุสาโห ได้ศึกษาการวิจัย เอกสาร เรื่อง การพัฒนากรอบแนวคิดการบริหารวิชาการตามแนวคิดทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สาเร็จ. Development of The Conceptual Framework For Academic Management Based of The Concept of Executive Function การวิ จั ย ครั้ ง นี้ เ ป็ น การวิ จั ย เอกสาร มี วั ต ถุ ป ระสงค์ เ พื่ อ พั ฒ นา กรอบแนวคิด 2 กรอบแนวคิด ประกอบด้วย 1) การบริหารวิชาการ 2) ทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สาเร็จ (EF) โดยใช้การสังเคราะห์จากเอกสารที่เกี่ยวข้อ ง จานวน 11 ฉบับ การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัย เอกสาร เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบวิเคราะห์กรอบแนวคิดทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สาเร็จ และ กรอบแนวคิดการบริหารวิชาการ วิเคราะห์เนื้อหาและความถี่จากแบบวิเคราะห์เอกสาร กรอบแนวคิด ผลการวิจัยพบว่า 1) กรอบแนวคิดการบริหารวิชาการ มี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.1 การพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษา 1.2 การจัดประสบการณ์ 1.3 การจัดสภาพแวดล้อม สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1.4 การประเมิน พัฒนาการ ที่จะทาให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สาเร็จ โดย 2) กรอบแนวคิดทักษะการคิดเพื่อชีวิต ที่สาเร็จ (EF) มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 2.1 ความจาเพื่อใช้งาน เป็นความสามารถของเด็กในการจดจา และนาไปเชื่อมโยงกับประสบการณ์เดิมที่ผ่านมามีการประมวลผลและไปใช้งานต่อได้ 2.2 การยั้งคิด ไตร่ตรอง เป็น ความสามารถของเด็กในการยับยั้งชั่งใจต่อสิ่งที่มากระตุ้น 2.3 การยืด หยุ่นความคิ ด เป็นความสามารถของเด็กในการปรับเปลี่ยนความคิดไปตามสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป 2.4 การควบคุม อารมณ์ เป็นความสามารถของเด็กในการจัดการอารมณ์ 2.5 การวางแผน และจัดระบบดาเนินการ 6

จุฬนฑิพา นพคุณ .วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร. การพัฒนาทักษะสมองเพื่อชีวิตที่สาเร็จในศตวรรษที่21.ปีที่16 ฉบับที่1(มกราคม2561 - มิถุนายน 2561) สุภาวดี หาญเมธี.(2560).EF ภูมิคุ้มกันชีวิตและป้องกันยาเสพติด คู่มือสาหรับครูอนุบาล.กรุงเทพฯ.สานักพิมพ์รักลูกบุ๊คส์. 8 แพทย์หญิงอรรัตน์ เชาว์กุลจรัสศิริ. EF Executive Function สาคัญต่อพัฒนาการเด็กแต่ละช่วงวัยอย่างไร?. https://www.manarom.com/blog/EF_Executive_Function.html. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2564 7

เป็นความสามารถของเด็กในการกาหนดเป้าหมาย จัดลาดับ วางแผนการทางาน และดาเนินการให้ บรรลุเป้าหมาย9 ดุษฎี อุปการ และอรปรียา ญาณะชัย (2561 : 1635) ได้ศึกษางานวิจัยเรื่อง การเสริมสร้าง พัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยควรเลือกใช้หลักการใด : “การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน” หรือ “การคิดเชิงบริหาร” What Principle Should We Use to Enhance Learning Development of Early Childhood Children: “Brain Besed Learning” or “Executive Function” เ ด็ ก ป ฐ ม วั ย ถือเป็นวัยทองแห่งการเรียนรู้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองพัฒนาสูงสุดและส่งผลต่อสติปัญญา บุคลิกภาพ และความฉลาดทางอารมณ์ การพัฒนาเด็กในช่วงวัยนี้จึงเป็นพื้นฐานสาคัญในการพัฒนาทักษะและ ความสามารถในระดับที่สูงขึ้นต่อไป การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานและการคิดเชิงบริหารเป็นหลักการที่ อยู่บนพื้น ฐานขององค์ความรู้เกี่ยวกับสมองทั้งองค์ประกอบและกลไกหน้าที่การทางานของสมอง แต่มีจุดเน้นที่แตกต่างกันจึงทาให้เป้าหมาย หลั กการ และการปฏิบัติต่างกันไปดังนั้นการนาหลักการ “การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน” หรือ “การคิดเชิงบริหาร” สู่การปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการ การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจึงขึ้นอยู่กับครู ผู้ปกครองเลือกให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาเด็ก ปฐมวัยเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยอย่างเต็มศักยภาพ และเป็นการวางรากฐานสาคัญในการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่จะเป็นกาลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศชาติต่อไป10 อภิรักษ์ ตาแม่ก๋ง ปนัดดา ธนเศรษฐกร พัชรินทร์ เสรีและวรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์ (2562 : 182 – 183) ได้ศึกษางานวิจัย เรื่อง ผลของโปรแกรม I AM TAP ต่อทักษะการคิดเชิงบริหารของเด็ก ป ฐ ม วั ย The Impacts of The I Am Tap Program on The Preschool Children’s Executive Skills การคิดเชิงบริหาร ( Execution Function) หรือทักษะสมอง EF (กระบวน การทางานของสมอง ระดับสูงที่ควบคุมความรู้สึก การรู้คิดและพฤติกรรม ให้ประสบความสาเร็จตาม เป้าหมายโดยอาศัย ประสบการณ์เดิมมาช่วยในการตัดสินใจทักษะพื้นฐานของการคิดเชิงบริหารที่ สาคัญคือ การยับยั้งชั่งใจ ความจาเพื่อใช้งาน และการยืดหยุ่นความคิด) งานวิจัยครั้ งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรม ไอ แอมแท็ ป ต่ อ ทั ก ษะพื้ น ฐานของการคิ ด เชิ ง บริ ห ารของเด็ ก ปฐมวั ย โปรแกรม ไอแอมแท็ ป เป็ น โปรแกรมการใช้ กิ จกรรมกลุ่ม จานวน 10 กิ จ กรรม สาหรับ ใช้ร่ วมกั บ แผนการเรี ย นการสอน ในห้องเรียนเด็กปฐมวัย เพื่อส่งเสริมทักษะพื้นฐานของทักษะสมอง EF ในเด็ก ปฐมวัย แต่ละกิจกรรม ถู ก พั ฒ นาขึ้ น ตามแนวทางการจั ด กิ จ กรรมตามแนวทาง EF Guideline ซึ่ ง เป็ น หลั ก การวางแผน จัดประสบการณ์ที่พัฒนาขึ้นตามหลักการทางานของสมองและทักษะสมอง EF งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการ วิจัยกึ่งทดลอง แบบมีกลุ่มควบคุมและมีการทดสอบก่อน และหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 9

ณัชชา ธนสมบรูณ์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชญาพิมพ์ อุสาโห .เพื่อการการพัฒนากรอบแนวคิดการบริหารวิชาการตามแนวคิดทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สาเร็จ . วารสาร อิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา. https://so01.tci-thaijo.org/index.php/OJED/article/view/184747 .สืบค้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 10 ดุษฎี อุปการ และอรปรียา ญาณะชัย. (2561). การเสริมสร้างพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยควรเลือกใช้หลักการใด “การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน” หรือ “การคิดเชิง บริหาร”.วารสาร สาขามนุษย์ศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ ปีที่ 11 ฉบับที่ 1 (มกราคม – เมษายน 2561) : 1635

คื อ เด็ ก ปฐมวั ย อายุ ร ะหว่ า ง 4 - 6 ปี จ านวน 68 คน ที่ เ รี ย นอยู่ ใ นโรงเรี ย นอนุ บ าล สั ง กั ด กระทรวงศึกษาธิการ แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง จานวน 31 คน และกลุ่มควบคุม จานวน 37 คน เด็กในกลุ่ม ทดลองจะได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มในโปรแกรมไอแอมแท็ป จานวน 18 ครั้ง ครั้งละ 20-30 22 นาที 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 9 สัปดาห์ ส่วนเด็กในกลุ่มควบคุมเข้าร่วมกิจกรรมตาม แผนการเรียน การสอนตามปกติ เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบประเมินพัฒนาการตาม การคิดเชิงบริหาร (MU. EF-101) และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมู ลคือ การทดสอบความแตกต่าง ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ตัวอย่าง 2 กลุ่มไม่อิสระ (paired sample t -test) และการทดสอบค่าเฉลี่ยของ กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม ที่มีความเป็นอิสระต่อกัน (independent sample t-test) ตามลาดับ ผลการวิจัยพบว่า 1) เด็กกลุ่ม ทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนทักษะการคิดเชิงบริหารหลังเข้าร่วมโปรแกรม I AM TAP สูงกว่าก่อนเข้าร่วม อย่างมีนัยยะสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 และ 2) เด็กกลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยของพัฒนาทักษะการคิด เชิงบริหารสูงกว่าเด็กในกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยยะสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.00111 สรุปว่าเด็กปฐมวัยช่วงวัย 3-6 ปี เป็นช่วงเวลาทองของชีวิตในการพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก เพราะสมองจะมีการพัฒนาทักษะ EF ได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ หากพ้นจากช่วงเวลานีไ้ ปถึงวัยเรียน วัยรุน่ หรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น แม้จะยังสามารถพัฒนาได้ แต่ก็จะไม่ได้ดีเท่ากับช่วงปฐมวัยและมีงานวิจัยทีศ่ ึกษา ผลของการทากิจกรรมที่มีผลต่อทักษะพื้นฐานของการคิดเชิงบริหารของเด็กปฐมวัย องค์ ป ระกอบของทั ก ษะสมองเพื่ อ ชี วิ ต ที่ ส าเร็ จ ในศตวรรษที่ 21 แบ่ ง เป็ น 9 ด้ า น 12 กลุ่มทักษะพื้นฐาน 1. ด้านการจาเพื่อใช้งาน (Working memory) หมายถึง ความสามารถในการเก็บประมวล และ ดึ ง ข้ อ มู ล ที่ ไ ด้ ม าจากประสบการณ์ เ ดิ ม ในชี วิ ต และเก็ บ ไว้ ใ นคลั ง สมองของเราน าออกมาใช้ ต าม สถานการณ์ที่ต้องการ ยิ่งมากประสบการณ์ ความจาที่นามาใช้งานก็ยิ่งมาก 2. ด้ า นการยั้ ง คิด ไตร่ ต รอง (Inhibitory Control) หมายถึ ง ความสามารถในการควบคุ ม แรงปรารถนาของตนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จนหยุดยั้งพฤติกรรมได้ในเวลาที่สมควร เด็กที่ขาดความ ยับยั้งชั่งใจจะเหมือน “รถที่ขาดเบรก”อาจทาโดยไม่คิด หรือมีปฏิกิริยาตอบโต้แบบไม่ไตร่ตรอง นามา ซึ่งปัญหาแก่ตนเองต่อไป 3. ด้านการยืดหยุ่นความคิด (Shift2Cognitive Flexibility) หมายถึง ความสามารถในการ ยืดหยุ่นความคิด เปลี่ยนจุดสนใจ เปลี่ยนโฟกัสหรือเปลี่ยนทิศทางให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กที่มีปัญหาในเรื่องการปรับตัวมักจะติดตันอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ไม่สามารถยืดหยุ่นพลิกแพลงได้ มองไม่เห็น ทางออกใหม่ ๆ ไม่สามารถคิดสิ่งใหม่ ๆ นอกกรอบได้ ส่วนคนที่ปรับตัวง่าย กินง่าย อยู่ง่าย ก็จะดาเนิน ชีวิตไปได้ง่ายกว่า กลุ่มทักษะการกากับตนเอง 11

อภิรักษ์ ตาแม่ก๋ง ปนัดดา ธนเศรษฐกร พัชรินทร์ เสรี และวรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์. ผลโปรแกรม I AM TAP ต่อทักษะการคิดเชิงบริหารของเด็กปฐมวัย. Ejournals.swu.ac.th สืบค้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2564 12 อ้างแล้วเชิงอรรถที่ 5

4. ด้านการจดจ่อใส่ใจ (Focus / Attention) หมายถึง ความสามารถในการใส่ใจจดจ่อมุ่งความ สนใจอยู่กับสิ่งที่ทาอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ โดยไม่วอกแวกไปตามปัจจัยไม่ว่าภายนอกหรือ ภายในตนเองที่เข้ามารบกวนเด็กที่มีจิตใจจดจ่อกับสิ่งที่ทาก็จะเรียนได้ดี ทางานสาเร็จไดง่าย 5. ด้ านการควบคุม อารมณ์ (Emotional Control) หมายถึ ง ความสามารถในการควบคุ ม อารมณ์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จัดการกับความเครียดหงุดหงิด และแสดงออกแบบที่ไม่รบกวนผู้อื่น เด็กสามารถบอกได้ว่ากาลังรู้สึกอย่างไร และควรจัดการอย่างไร เด็กที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มักกลายเป็น คนโกรธเกรี้ยวฉุนเฉียว ขี้หงุดหงิดเกินเหตุ หรือขี้กังวล อารมณ์แปรปรวน และอาจซึมเศร้าได้ 6. ด้านการติดตามประเมินตนเอง (Self – Monitoring) หมายถึง การตรวจสอบตนเอง รู้จัก จุดแข็ง จุดอ่อนของตนเอง ตั้งแต่การรู้จักอารมณ์ตนเอง รู้จักตนเอง รวมถึงการตรวจสอบการงานเพื่อหา จุดดี จุดบกพร่อง ประเมินการบรรลุเป้าหมาย ติดตามปฏิกิริยาตนเอง และดูผลพฤติกรรมของตนเองที่ ไปกระทบผู้อื่น กลุ่มทักษะปฏิบัติ 7. ด้านการริเริ่มลงมือทา (Initiating) หมายถึง ความสามารถในการริเริ่มและลงมือทางานตามที่ คิดมีทักษะในการริเริ่ม สร้างสรรค์แนวทางในการทาสิ่งต่าง ๆ เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทาให้ความคิดของตน ปรากฏขึ้นจริงไม่โอ้เอ้ ผัดวันประกันพรุ่ง 8. ด้านการวางแผน จัดระบบ ดาเนินการ (Planning and Organizing) หมายถึง การวางแผน และการจัด การระบบดาเนินการเริ่มตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย การเห็นภาพรวม จัดลาดับความสาคัญ จัดระบบโครงสร้าง จนถึงการดาเนินการคือการแตกเป้าหมายให้เป็นขั้นตอนกระบวนการ และมีการ ประเมินผล คน ที่มีทักษะกลุ่มนี้จะเป็นคนที่วางแผนเก่ง ทางานเป็น 9. ด้ า นการมุ่ ง เป้ า หมาย (Goal – Directed Persistence) หมายถึ ง ความพากเพี ย รมุ่ ง สู่ เป้าหมาย เมื่อตั้งใจและลงมือทาสิ่งใดแล้วก็จะมีความมุ่งมั่นอดทน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะมี อุปสรรคใด ๆ พร้อมฝ่าฟันจนถึงความสาเร็จ จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบของทักษะสมอง EF แบ่งเป็น 9 ด้าน โดยจัดเป็น 3 กลุ่มทักษะ ซึ่งมี ความสาคัญมากในการดาเนินชีวิตของเด็ก เด็กที่มีองค์ประกอบทักษะสมอง EF จะเป็นเด็กที่วางแผนเป็น คิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น รู้จักควบคุมอารมณ์ตนเอง เข้าใจอารมณ์ผู้อื่น ทาให้เป็นที่รักของคนรอบ ข้างและจะทาให้ประสบความสาเร็จในการเรียน การทางานในอนาคต และสามารถดารงตนอยู่ในโลก แห่งการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีความสุข วิธีการสร้างทักษะสมองเพื่อชีวิตที่สาเร็จให้กับเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 2113 มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับทักษะสมอง EF ในทันที แต่เราเกิ ดมาพร้อมกับ “ศักยภาพ” ที่จะพัฒนาทักษะเหล่านี้ ส่วนจะพัฒนาได้แค่ไหนอย่างไร ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงวัยทารก จนถึงวัยเด็กและต่อไปยังวัยรุ่น การวิจัยจานวนไม่น้อยชี้ว่า EF เพิ่มพัฒนาขึ้นในเวลา ไม่นานหลังปฏิสนธิ โดยในช่วงวัย 3 - 6 ปี ที่เรียกว่าเป็นช่วงเวลาวัยทอง หรือเป็นหน้าต่างแห่งโอกาส (Window of Opportunity) ที่ ส าคั ญ ที่ สุ ด มี อั ต ราการเติ บ โตของทั ก ษะสมอง EF อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง 13

อ้างแล้วเชิงอรรถที่6

สม่าเสมอ จนทักษะนี้ ฝังก่อตัว เป็นรูปโครงสร้างของเซลล์ประสาทในสมองที่แข็งแรง ซึ่งทาให้เด็ก สามารถใช้ทักษะเหล่านี้ ในการดาเนินชีวิตของเขาได้ด้วยตนเองเมื่อเติบโตขึ้น และใช้ได้ไปตลอดชีวิต ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองและครูสามารถสร้าง EF ให้กับเด็กปฐมวัยได้ดังแนวทางสาคัญต่อไปนี้ (สุภาวดี หาญเมธี, 2560: 18 – 19) 1. การสร้างความผูกพันและไว้วางใจให้เกิดขึ้นในใจเด็ก ซึ่งเป็นพื้นฐานแรกที่สาคัญที่สุด เพราะ ถ้าเด็กไว้วางใจได้ว่าเขาจะปลอดภัยในความดูแลของผู้ใหญ่คนนี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู จะทาให้เขามีสภาวะที่พร้อมต่อการพัฒนา EF และฝึกฝนเรียนรู้ เมื่อใดที่เด็กมีความเครียด ไม่มีความสุข ทักษะสมอง EF จะไม่แข็งแรง 2. การดูแลสุขภาพทางกายของสมองให้แข็งแรง การกินอิ่ม นอนหลับเพียงพอ การได้ออกกาลังกาย สม่าเสมอ การได้รับอากาศบริสุ ทธิ์ ล้ว นมีส่วนในการสร้ างความแข็งแรงทางกายภาพให้ กับสมอง เพื่อเป็นพื้นฐานที่ในการทางานของความคิด ความรู้สึกหรือการกระทาของเด็กต่อไป มีงานวิจัยชัดเจน ว่าเด็กที่นอนไม่พอ EF จะอ่อนแอ เด็กที่ได้ออกกาลังกายกลางแจ้งสม่าเสมอ จะมี EF ในด้านการจดจ่อ ใส่ใจดีขึ้น เป็นต้น 3. การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ได้แก่ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและน่าอยู่ของสถานที่ ทั้งที่บ้านและโรงเรียน บรรยากาศที่ร่มเย็นให้ความสุข ขณะเดียวกันเป็นสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้ สนใจใคร่รู้ ร่วมถึงการมีกิจวัตรประจาวันที่สม่าเสมอ การมีกติกาที่เด็กมีส่วนร่วมและปฏิบัติเสมอต้น เสมอปลายเหล่านี้ล้วนส่งเสริม EF ทั้งสิ้น 4. การได้รับประสบการณ์เรียนรู้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะเน้นที่การได้ลงมือกระทาด้วยตนเอง หรือการเข้าไปมีประสบการณ์ตรงกับสิ่งแวดล้อม จะทาให้เด็กมีโอกาสได้ฝึกคิดด้วยตนเอง ได้คิดค้น วางแผนและทดลองหรือลงมือกระทา ระหว่างทาก็ได้เห็นอุปสรรคปัญหา และแนวทางแก้ไข และสรุป บทเรียนด้วยตนเอง 5. การให้โอกาสเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งสาคัญนักวิชาการปฐมวัยศึกษาที่ร่วมจัดการความรู้กับสถาบัน RLG (Rakluke Learning Group) ได้กล่าวถึงการให้โอกาสเด็ก โดยสามารถฝึกฝน EF ทั้ง 9 ด้าน ได้แก่ ด้านการจาเพื่อใช้งาน ด้านการยั้งคิด ไตร่ตรองด่านการยืดหยุ่นความคิด ด้านการจดจ่อใส่ใจ ด้านการ ควบคุมอารมณ์ ด้านการติดตามประเมินผล ด้านการริเริ่มและลงมือทา ด้านการวางแผน จัดระบบ ดาเนินการและด้านการมุ่งเป้าหมาย ซึ่งเด็กสามารถเรียนรู้ได้ในชีวิตประจาวัน หรือในการจัดหลักสูตร การเรียนรู้ อาทิ สร้างวินั ยในชีวิ ต ประจาวัน ให้รู้จักรอ เข้าคิว ให้ รู้จักควบคุมอารมณ์ต นเอง และ แสดงออกถึงอารมณ์ของตนเองอย่างเหมาะสม ฝึกเข้าใจความรู้สึกตนเองและคนอื่น ๆ มีกิจกรรมที่ได้ลง มือทา (Learning by Doing) ฝึกการวางเป้าหมาย การจัดลาดับก่อนหลัง การอดทนพากเพียร การ สังเกตเรียนรู้ขั้นตอนในการทางาน อาทิ ช่วยทางานบ้านตามที่วัยที่เขาทาได้ ให้ได้มีโอกาสออกไปเผชิญ กับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ พบคนใหม่ ๆ เพื่อนใหม่ ๆ ได้แก้ปัญหาต่าง ๆ (ที่เหมาะสมกับวัย) ด้วยตนเอง รวมทั้งเมื่อเสร็จแล้วมีโอกาสฝึกการประเมินผลอย่างง่าย ๆ ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร และมีการให้กาลังใจ เมื่อเด็กทาสาเร็จ ดังนั้น การให้โอกาสเด็กได้เรียนรู้แบบ Active learning จะช่วยส่งเสริมทักษะสมอง EF ตลอดทางทั้งสิ้นในทางตรงกันข้ามการจัดการเรียนรู้แบบ Passive Learning ก็จะทาลายสมองเด็ก อย่างน่าเสียดายที่สุด

ทักษะสมอง EF จะพัฒนาได้ดีที่สุดในช่วง 3 – 6 ปี ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง และครู สามารถ สร้างทักษะสมอง EF ให้เกิดขึ้นได้ผ่านการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายผ่านการเล่นการทา กิจ กรรมต่ า ง ๆ เพื่ อ ให้ เ ด็ กได้ ล งมื อ ท า เมื่ อ เด็ ก ลงมื อ ทา เด็ ก จะเกิ ด การวางแผนกระบวนท างาน ได้ทดลองปฏิบัติจริง เด็กจะเกิดการวางแผนกระบวนการทางาน ได้ทดลองปฏิบัติจริงเด็กจะเกิดการ เรียนรู้ถึง วิธีการแก้ ปัญหา เกิ ด ความมุ่ง มั่นในการทางาน เมื่อท าสาเร็จเด็กจะเกิด ความภาคภูมิใ จ ที่สาคัญต้องให้โอกาสเด็ก เมื่อเด็กได้ควรเสริมแรงบวก และจัดสภาพแวดล้อมให้น่าเรี ยนรู้ สงบเงียบ จะทาให้เด็กมีสมาธิและจดจ่อกับสิ่งที่สาได้เป็นเวลานาน ควรมีสื่ออุปกรณ์ที่น่าสนใจและควรให้อิสระ เด็กในการเลือกทาในสิ่งที่ตนเองสนใจ14

ภาพที่ 1 สรุปคาสาคัญของ Executive Functions (EF)15 ความเห็นและข้อเสนอแนะ บทความนี้ การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของแต่ละช่วงวัย ทุกภาคส่วนในสังคมควรเข้ามามีส่วน ร่วม พร้อมทั้งการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างครอบครัว และสังคมอบอุ่นเข้มแข็ง ขอสรุปใน บริบทของครอบครัวโดยเน้นการส่งเสริมการเกื้อกูลกันของคนทุกวัย ในครอบครัวและในสังคมเพื่อลด ช่องว่างระหว่างวัย หรือช่วงอายุ(Generation) ด้วยความเมตตาปรารถนาให้มีความสุขทั้งกายและใจ เข้าใจถึงความทุกข์ และไม่เบียดเบียน รังแก และมีความกรุณาช่วยเหลือให้พ้นจากความทุกข์ จนนาไปสู่ การใช้สติปัญญาเพื่อที่จะหาแนวทางช่วยเหลือให้ให้พ้นจากความทุกข์ มีความยินดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ เมื่อเห็นผู้อื่นมีความสุขและยกย่อง สรรเสริญในความดี รวมทั้งการโดยทาจิตใจให้เป็นกลาง ไม่มีความ อิจฉาริษยาต่อความสุขของผู้อื่น มีความเป็นธรรม และความเสมอภาค ให้ความเคารพต่อความคิด และ 14

อ้างแล้วเชิงอรรถที่6 สุภาวดี หาญเมธี. ภูมิคุ้มกันชีวิตและป้องกันยาเสพติดคู่มือสาหรับครูอนุบาล. https://www.oncb.go.th/ONCB_OR5/PublishingImages/Pages /DownloadManual.pdf สืบค้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 15

การแสดงออกของผู้อื่น และ รู้จักแบ่งปัน ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แนะนาให้ความรู้ หรือการปฏิบัติตน ในสิ่งที่ถูกต้อง มีวาจาที่สุภาพพูดแต่ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และมีเหตุผล ประพฤติตนเป็นประโยชน์ด้วย การช่วยเหลือเกื้อกูลช่วยแก้ไขปรับปรุงส่งเสริมให้สิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และวางตนให้เหมาะสม ไม่ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น ไม่ยกตนถือตัวหรือข่มผู้อื่น สามารถเริ่มต้นง่ายๆที่ตนเองก่อน โดยปรับเปลี่ยน ทัศนคติจะส่งผลไปยังพฤติกรรมและการพูด เชิงบวก การสร้างวินัยเชิงบวกในชีวิตประจาวัน ฝึกการรอ ฝึกการควบคุมอารมณ์ สนับสนุนให้ทากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะ EF การ เล่นกีฬา การร้องเพลง วาดภาพ เล่นดนตรี เพราะกิจกรรมดังกล่าวจะทาให้เด็กมีสมาธิ ฝึกความจาและทาสิ่งต่าง ๆ รู้จักการ วางแผน ฝึกการคิด การวางเป้าหมาย สร้างจินตนาการเพื่อนาไปปรับใช้ ได้เผชิญกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เรียนรู้การเข้าสังคมและการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ในบริบทของโรงเรียนครูปฐมวัยควรให้ความสาคัญกับ การพัฒนาและส่งเสริมทักษะสมอง Executive Functions (EF) ในเด็กปฐมวัยเพื่อเข้าใจและสามารถ พัฒ นาทักษะการเรียนรู้ เช่น ออกแบบหลักสูตรเพื่อ ฝึกฝน Executive Functions (EF) ทั้ง 9 ด้าน ได้แก่ ด้านการจาเพื่อใช้งาน ด้านการยั้งคิด ไตร่ตรอง การยืดหยุ่นความคิด การจดจ่อใส่ใจ การควบคุม อารมณ์ การติดตามประเมินผล การริเริ่มและลงมือทา การวางแผน จัดระบบดาเนินการและการกาหนด เป้าหมาย พัฒนาสื่อการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นเรียนรู้ที่หลากหลาย และสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจ หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆหรือประสบการณ์ตรงกับสิ่งแวดล้อม จะทาให้เด็กมีโอกาสได้ ฝึกคิดด้วยตนเอง ได้คิดค้นวางแผนและทดลองหรือลงมือกระทา ทาให้ได้เห็นถึงอุปสรรคปัญหา และ แนวทางแก้ไข และสามารถสรุปบทเรียนได้ด้วยตนเองและนาบทเรียนในอดีตมาแก้ไขปัจจุบันให้ดีขึ้น เสริมสร้างวินัยเชิงบวกในชีวิตประจาวัน ให้รู้จักรอ เข้าคิว ให้รู้จักควบคุมอารมณ์ตนเอง และแสดงออก ถึงอารมณ์ของตนเองอย่างเหมาะสม ฝึกเข้าใจความรู้สึกตนเองและบุคคลคนอื่น ๆ

บรรณานุกรม จุฬนฑิพา นพคุณ .วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร. การพัฒนาทักษะสมองเพื่อชีวิตที่ สาเร็จในศตวรรษที2่ 1.ปีที่16 ฉบับที่1(มกราคม2561 - มิถุนายน 2561) ณัชชา ธนสมบูรณ์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ชญาพิมพ์ อุสาโห. การพัฒนากรอบแนวคิดการบริหาร วิชาการตามแนวคิดทักษะการคิดเพื่อชีวติ ที่สาเร็จ . วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา. https://so01.tci-thaijo.org/index.php/OJED/article/view/184747 .สืบค้นเมือ่ วันที่ 19 มีนาคม 2564 ดุษฎี อุปการ และอรปรียา ญาณะชัย. (2561). การเสริมสร้างพัฒนาการการเรียนรูข้ องเด็กปฐมวัยควร เลือกใช้หลักการใด “การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน” หรือ “การคิดเชิงบริหาร”. วารสาร สาขามนุษย์ศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ ปีที่ 11 ฉบับที่ 1 (มกราคม – เมษายน 2561) : 1635 แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิตhttp://nscr:nesdb. go.th สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 วรรณวิมล สุวรรณธนะ. บทบาทความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ. https://sites.google.com/site/wanwimon571031234/1-7-bthbath-khwam-sakhaykhxng-thekhnoloyi-sarsnthes.สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563. สุภาวดี หาญเมธี.(2560).EF ทักษะสมองเพื่อการจัดการชีวิตให้สาเร็จ (Executive Functions). กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์ (1987) จากัด. สุภาวดี หาญเมธี.(2560).EF ภูมิคุ้มกันชีวิตและป้องกันยาเสพติด คู่มอื สาหรับครูอนุบาล.กรุงเทพฯ. สานักพิมพ์รักลูกบุ๊คส์. สุวิดา ธรรมมณีวงศ์และจักรนาท นาคทอง, การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ในโลกออนไลน์. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Veridian-EJournal/article/view/28254/24284.สืบค้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563. อภิรักษ์ ตาแม่ก๋ง ปนัดดา ธนเศรษฐกร พัชรินทร์ เสรี และวรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์. ผลโปรแกรม I AM TAP ต่อทักษะการคิดเชิงบริหารของเด็กปฐมวัย. Ejournals.swu.ac.th สืบค้นเมือ่ วันที่ 9 มีนาคม 2564 อรรัตน์ เชาว์กุลจรัสศิริ. EF Executive Function สาคัญต่อพัฒนาการเด็กแต่ละช่วงวัยอย่างไร?. https://www.manarom.com/blog/EF_Executive_Function.html. สืบค้นเมือ่ วันที่ 20 มีนาคม 2564

ผูออกแบบ : นายธนากร นอมทางธรรม นายภัคพล เสนาะกลาง